กาญจนบุรี กรมอุทยานฯ ป.ป.ช.ตรวจสอบ น.ส.3 ก. 459 ไร่ ออกกลางหุบเขาในอช.ไทรโยค เตรียมฟันอดีตปลัดอำเภอ และอดีตที่ดินอำเภอ กับพวก

กาญจนบุรี กรมอุทยานฯ ป.ป.ช.ตรวจสอบ น.ส.3 ก. 459 ไร่ ออกกลางหุบเขาในอช.ไทรโยค เตรียมฟันอดีตปลัดอำเภอ และอดีตที่ดินอำเภอ กับพวก

กาญจนบุรี กรมอุทยานฯ ป.ป.ช.ตรวจสอบ น.ส.3 ก. 459 ไร่ ออกกลางหุบเขาในอช.ไทรโยค เตรียมฟันอดีตปลัดอำเภอ และอดีตที่ดินอำเภอ กับพวก

วันที่ 8 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามนโยบายทส.ยกกำลัง 2+4 ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในปี พ.ศ.2564 ให้ปฎิบัติงานหนักขึ้นเป็นสองเท่าในการช่วยเหลือราษฎรทุกมิติทุกด้าน และให้ปราบปรามการบุกรุกทำลายป่า หรือครอบครองที่ดิน ของนายทุน ที่ไม่ชอบโดยกฎหมาย อย่างเด็ดขาด

โดยเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ตนเอง และ นายหิรัณย์เศรษฐ เหยี่ยวประยูร ผู้อำนวยการสำนักไต่สวน คดีทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ป.ป.ช. นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค คณะเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค รวม 15 นาย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) ทะเบียนเลขที่ 51 ถึง 58 จำนวน 8 ฉบับ รวมเนื้อที่ 459ไร่ 39 ตารางวา ที่อยู่กลางหุบเขา ติดแม่น้ำแควน้อย ปลูกทุเรียนพันธุ์ดี หลายพันต้น ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค บริเวณบ้านหาดงิ้ว หมู่ที่ 5 ตำบลวังกระแจะ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีตัวแทนของเจ้าของที่ดินดังกล่าวเป็นผู้นำตรวจ

คณะเจ้าหน้าที่ฯได้ใช้ เครื่องพิกัด GPS ที่มีเสาอากาศ รับสัญญาณดาวเทียม ความละเอียดสูง จับ ค่าพิกัดรอบแปลงของหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส. 3 ก.)ดังกล่าว เพื่อตรวจสอบพื้นที่ ดังกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย ในการเตรียมชี้มูลเอาความผิด ตามปอ.157 กับอดีตปลัดอำเภอไทรโยค และอดีตเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอไทรโยค และผู้สนับสนุนที่เกี่ยวข้องในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส. 3 ก.) 8 ฉบับดังกล่าว ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

นายนิพนธ์ ฯเปิดเผยต่อไปว่า มูลเหตุในการตรวจสอบ พื้นที่ดังกล่าวครั้งสุดท้าย เพื่อเตรียมชี้มูลความผิดในครั้งนี้เกิดจากในปีพ.ศ. 2554 และในปีพ.ศ. 2557 อุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องถึงที่มาของหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ทั้ง 8 ฉบับจำนวน 459 ไร่ 39 ตารางวา ดังกล่าว ว่าสามารถออกในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคได้อย่างไร เนื่องจากอยู่หุบเขากลางป่า ติดแม่น้ำแควน้อย แต่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาหลักฐานการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส. 3 ก.) จากสารบบที่ดินได้ เนื่องจากอำเภอไทรโยค ได้ถูกเพลิงไหม้ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2534 ทำให้เอกสารสารบบที่ดินทั้งหมด ถูกเพลิงไหม้เสียหายไปด้วย

แต่เมื่อตรวจสอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) ทั้ง 8 ฉบับ ที่จัดสร้างขึ้นใหม่ แทนฉบับเดิม ที่ถูกเพลิงเผาไหม้เสียหายหมดนั้น ตามประกาศ จังหวัดกาญจนบุรี ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2534 เรื่อง แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบที่ดินเพื่อจัดสร้างขึ้นใหม่แทนฉบับเดิม ได้แต่งตั้งกรรมการประกอบไปด้วย ปลัดอำเภอ ป่าไม้อำเภอ และเจ้าหน้าที่บริหารที่ดินอำเภอ ออกไปตรวจสอบ ที่ดิน ที่ราษฎร ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ได้ไปยื่นความจำนง เพื่อจัดสร้างหลักฐาน เกี่ยวกับที่ดินขึ้นใหม่ แต่ปรากฏว่า คณะกรรมการตามคำสั่งอำเภอไทรโยค ที่ 81/ 2534 ลงวันที่ 2 เมษายน 2534 ประกอบไปด้วย นายวิสูตร วระทรัพย์ ปลัดอําเภอไทรโยคผู้รับผิดชอบตำบล นายประยูร ใสเงิน เจ้าหน้าที่บริหารที่ดินอำเภอไทรโยค เพียงสองนาย เป็นผู้รับรองหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) จำนวน 8 ฉบับดังกล่าว จำนวน 459 ไร่ 58 ตาราวาไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ เขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะมนตรี และเขตหวงห้ามที่ดิน เพื่อใช้ในราชการทหาร ตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481

จากการตรวจสอบอย่าง ของอุทยานแห่งชาติไทรโยคพบว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก.)ทั้ง 8 ฉบับ รวมจำนวน 459 ไร่ 39 ตารางวานั้น อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติในปี พ.ศ.2523 อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ประกาศในปีพ.ศ. 2512 แล้วอยู่ในเขตป่าถาวร ตามมติคณะมนตรีใน ปีพ.ศ. 2516 แล้วเมื่อตรวจสอบแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ 1 ธันวาคม 2497 ก็ไม่พบร่องรอย การเข้าทำประโยชน์แต่อย่างใด เป็นป่าเบญจพรรณทั้งแปลง

คณะเจ้าหนัาที่ฯเห็นว่าการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) จำนวน 8 ฉบับ ดังกล่าว เป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายขัดกับ ระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน พ.ศ 2498 ข้อ 3 ( 1 )ที่ดินที่จะจัดให้ ประชาชนอยู่อาศัย หรือประกอบการทำมหาลิชีพ จะต้องเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่ง ซึ่งอยู่ในลักษณะที่ดิน ซึ่งมิได้มีบุคคลใดได้มีสิทธิครอบครองและมิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือมิใช่ที่สงวนหวงห้ามหรือไม่ใช่ที่เขาที่ภูเขา ขัดกับ กฎกระทรวงฉบับที่ 2 ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ 2497 ข้อ 3 ที่ดินที่ออกให้ต้องเป็นที่ดินที่ได้ทำประโยชน์แล้ว ขัดกับกฎกระทรวงฉบับที่ 5 ออกตามประมวลกฎหมายที่ดินข้อ 8 (2 )ห้ามออกโฉนด หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ในที่เขา ที่ภูเขาหรือที่สงวนหวงห้าม หรือที่ดินซึ่งราชการเห็นว่าควรสงวนไว้เพื่อทรัพยากรธรรมชาติ ขัดกับระเบียบของคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2515 ข้อ 7 (2)ข้อ9 (1 )การออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ต้องไม่อยู่ในเขต ที่ได้ทางราชการจำแนกไว้เป็นเขตป่าถาวร

ในปีพ.ศ.2562 อุทยานแห่งชาติไทรโยค จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี กับเจ้าของที่ดินดังกล่าว ในข้อหาบุกรุก ยึดถือครอบครอง ที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคโดยไม่รับอนุญาต ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี และส่งเรื่อง ให้ป.ป.ช ดำเนินคดี ตามประมวลกฎหมายอาญาฐานละเว้นหรือปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ต่อนายวิสูตรฯอดีตปลัดอําเภอไทรโยค และนายประยูรฯอดีตเจ้าหน้าที่บริหารที่ดินอำเภอไทรโยค และบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมสนับสนุนเกี่ยวข้องในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) โดยมิชอบ

ในวันดังกล่าวคณะเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. จึงได้มาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเตรียมดำเนินการชี้มูลเอาความผิดกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว และเตรียมชี้มูลให้กรมที่ดินเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ( น.ส.3ก) จำนวน 8 ฉบับ เนื้อที่รวม 459ไร่ 39 ตารางวา ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค

เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าว ตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน เพื่อประชาชนของคนไทยทุกๆคน หลังจากกรมที่ดิน เพิกถอนหนังสือหนังสือรับรองการทำประโยชน์( น.ส.3ก) จำนวน 8 ฉบับดังกล่าวแล้วอุทยานแห่งชาติไทรโยค จะนำมาฟื้นฟูสภาพป่า กลับคืนมา ตามสภาพธรรมชาติดังเดิมต่อไป./
////////////////////////////////


ทีมข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

สังคม