วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2564 (2021)
ตลอดชีวิตสมณเพศคือพระภิกษุที่สอนให้เข้าถึงถึงธรรมโดยใช้ปัญญาพิจารณา และเทศนาต่อต้านมารร้ายที่หากินกับศาสนาโดยใช้พิธีกรรมต่างๆ เพื่อดึงดูดคนเข้าวัดเพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวพุทธส่วนใหญ่งมงาย หลงทาง จนคิดว่าสิ่งนั้นเป็นของพุทธศาสนา ด้วยเหตุดังกล่าววัดที่พระรูปนี้จำพรรษา จึงมีพระพุทธรูปเพียงเพื่อพอเป็นพิธี ไม่มีการจุดธูปเทียน ไม่ให้ยึดติดกับอามิสบูชาต่างๆ
ส่วนลานธรรมรูปวงกลมภายในวัด มีต้นแบบมาจากสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา สุราษฏร์ธานี ของท่านพุทธทาส ที่ให้การแสดงธรรมภายในวัดเป็นแบบเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติ เช่นเดียวกับสมัยพุทธกาล เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการสร้างศาลาอาคารต่างๆ และภายในวัดจะมีอาคารเท่าที่จำเป็นแก่ศาสนกิจเท่านั้น พระภิกษุที่ถือข้อปฏิบัติดังกล่าวคือหลวงพ่อปัญญานันทภิกชุ
#วันนี้ในอดีต เมื่อ 14 ปีที่แล้วตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม 2550 วันมรณภาพของ #หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ พระนักปฏิบัติธรรม ผู้ปฏิรูปพิธีกรรมของชาวพุทธไทย เจ้าอาวาส #วัดชลประทานรังสฤษฎ์
#พระพรหมังคลาจารย์ หรือที่รู้จักกันดีทั่วไปคือ #หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เกิดที่ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม 2454 เดิมมีนามว่า ปั่น เสน่ห์เจริญ หลังใช้ชีวิตฆราวาสจนมีอายุได้ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอุปนันทนาราม จ.ระนอง
เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดนางลาด อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระจรูญกรณีย์เป็นอุปัชฌาย์เมื่อปี 2474
ระหว่างปี 2475-2476 หลวงพ่อได้มีโอกาสเดินทางไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศหลายประเทศ จนหลวงพ่อได้ชื่อว่า เป็นพระสงฆ์รูปแรกของไทยที่ได้เดินทางไปประกาศธรรมในภาคพื้นยุโรป
ปี 2477 หลวงพ่อได้เดินทางไปจำพรรษากับ #พระธรรมโกศาจารย์ (#พุทธทาสภิกขุ) ที่สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และร่วมเป็นสหายธรรมดำเนินการเผยแพร่หลักธรรมที่แท้จริงตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ในปี 2492 ได้รับอาราธนานิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่ และได้เริ่มแสดงธรรมในทุกวันอาทิตย์และวันพระที่พุทธนิคม จ.เชียงใหม่ พร้อมกันนี้หลวงพ่อได้เขียนบทความต่างๆ ลงในหนังสือพิมพ์และเขียนหนังสือธรรมะขึ้นจำนวนหลายเล่ม
นอกจากนี้ หลวงพ่อได้เดินทางไปประกาศธรรมแก่ชาวบ้าน ชาวเขาโดยใช้รถติดเครื่องขยายเสียง จนชื่อเสียงของหลวงพ่อดังกระฉ่อนไปทั่ว จ.เชียงใหม่ ในนาม “#ภิกขุปัญญานันทะ”
ในปี 2502 ม.ล.ชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน ในสมัยนั้น ระหว่างที่ไปเยือนเชียงใหม่มีความประทับใจ ในลีลาการสอนธรรมะแนวใหม่ของหลวงพ่อ จึงเกิดความศรัทธาในพลวงพ่อ และในขณะนั้นกรมชลประทานได้สร้างวัดใหม่ขึ้นชื่อ”วัดชลประทานรังสฤษฎ์” ที่ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงได้อาราธนาหลวงพ่อไปเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี 2503 เป็นต้นมา
พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) ได้ดำเนินการเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยวิธีที่ท่านได้เริ่มปฏิวัติรูปแบบการเทศนาแบบดั้งเดิมที่นั่งเทศนาบนธรรมาสน์ถือใบลาน มาเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรมแบบพูดปากเปล่าต่อสาธารณชน พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุผลร่วมสมัย ทันต่อเหตุการณ์ เป็นการดึงดูดประชาชนให้หันเข้าหาธรรมะได้เป็นเป็นอย่างมาก
หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เป็นพระสงฆ์รูปแรกที่กล้าในการปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนา ของชาวไทยที่ประกอบพิธีกรรมหรูหรา ฟุ่มเฟือย โดยเปลี่ยนเป็นประหยัด มีประโยชน์และเรียบง่าย ดังนั้น หลวงพ่อจึงได้รับการขนานนามว่า “ผู้ปฏิรูปพิธีกรรมของชาวพุทธไทย”
หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เข้ารักษาอาการอาพาธ ที่ตึกอัษฎางค์ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 วันที่ 5 ตุลาคม 2550 พบว่าหลวงพ่อมีอาการติดเชื้อ เริ่มมีอาการไอ มีเสมหะ หลังทำการเอ็กซเรย์ปอดพบว่าปอดอักเสบและติดเชื้อ ต้องให้ยาปฏิชีวนะ
เวลา 09.00 น. ของวันที่ 10 ตุลาคม 2550 หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ก็ได้มรณภาพด้วยอาการปอดอักเสบและไตวายเฉียบพลัน สิริรวมอายุได้ 97 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานโกศ แปดเหลี่ยมและรับศพไว้ในพระราชานุเคราะห์
ภาพ : ข่าว : Internet : #KasemLimaphan #สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย #บินหลาหาข่าว #เกษม_ลิมะพันธุ์