นักวิชาการยะลา ชี้ เห็นด้วยมาตรการเข้าถึงวัคซินของประชาชนชายแดนใต้ ลดผู้ป่วย/ตาย
จากกรณีที่มีข้อความว่า “ทางจังหวัดยะลาขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดยะลาทุกคน ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.64 ที่จะถึงนี้ หากชาวบ้านไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้งดเข้าไปประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ (วัด มัสยิด โบสถ์) ทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดยะลา และงดติดต่อทำธุรกรรมทุกประเภทกับทุกภาคส่วนราชการและห้ามทำธุรกรรมทางการเงินกับทุกธนาคาร ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถติดต่อขอรับการฉีดวัคซีนได้ทันที ที่ว่าการอำเภอ และ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ทุกแห่งในพื้นที่ของจังหวัดยะลา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่มีวันหยุดราชการ” เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ยะลา เนื่องจากปัจจุบันยังคงมีความรุนแรง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละหลายร้อยคนต่อวัน ตามที่ได้เคยรายงานไปแล้วนั้น
วันนี้ 19 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามกับ ผศ.อับดุลรอซะ วรรณอาลี รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
กล่าวในเรื่องนี้ว่า ตอนก็มีวัคซีนเกือบทุกยี่ห้อที่ลงมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปเกือบทุกชุมชนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนแต่ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังเข้าใจผิดในเรื่องของวัคซีนอยู่ เพราะฉะนั้นมาตรการที่รัฐออกมา ตนเองคิดว่ามีความจำเป็นเป็นการบังคับทางอ้อม คือจำกัดสิทธิ์เหล่านี้ไม่ได้มุ่งที่จะไม่ให้พี่น้องประชาชนไม่ได้รับความสะดวก แต่ปลายทางจุดมุ่งหมายหลักคือต้องการให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ให้มากที่สุด สิ่งที่รัฐจะต้องทำคือดึงผู้ที่มีบทบาทกับสังคมออกมาคุยแทนที่ฝ่ายรัฐจะคุยอย่างเดียว เช่นในระดับหมู่บ้านดูปราทชาวบ้าน ผู้น้ำตามธรรมชาติ ทำความเข้าใจกับบุคคลเหล่านั้น ให้บุคคลเหล่านั้นไปทำความเข้าใจต่อ บางทีภาครัฐสื่อสารออกไป ประชาชนยังหวาดระแวงอยู่ ฉะนั้นต้องหากลุ่มนี้ให้เจอ ให้กลุ่มเหล่านี้เป็นตัวแทนของรัฐในการที่จะไปอธิบายประชาชนคนเหล่านั้นต่อไป
ทางด้าน นายรักชาติ สุวรรณ ประธานเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ และประธานภาคประชาสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้
กล่าวว่า จริงๆในมิติของการห้ามในช่วงของการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 จ.ยะลา ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ ในมิติของการห้ามก็เห็นควร สมควรที่จะมีมาตรการแบบนี้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่จะออกมาตรการแบบนี้เลยอยู่ที่กระบวนการ มีความจำเป็นที่ต้องทำความเข้าใจ อีหม่ามประจำมัสยิด กรรมการอิสลามประจำจังหวัด ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นมีหมด คิดว่าขั้นตอนก่อนที่จะออกมาอย่างนี้ ควรต้องผ่านการพูดคุยกับทีมเหล่านี้ก่อน มาถึงในเรื่องของการห้าม ห้ามเหมือนคำสั่งจริงๆบ้านเรามีมิติของความรุนแรง ความขัดแย้งอยู่ พอมาเจอคำสั่งห้ามใช้คำสั่งห้าม มีความรู้สึกว่าถูกบังคับ
สถานการณ์การแพร่ระบาด
ของไวรัสโควิด-19 จังหวัดยะลา วันที่ 18 ต.ค.64 ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา พบผู้ป่วยรายใหม่ 761 ราย จากพื้นที่ อำเภอเมืองยะลา 378 ราย อำเภอรามัน 102 ราย อำเภอเบตง 84 ราย
อำเภอบันนังสตา 81 ราย
อำเภอกรงปีนัง 38 ราย
อำเภอธารโต 29 ราย
อำเภอยะหา 28 ราย
อำเภอกาบัง 12 ราย
ยอดรวมผู้ป่วยสะสม 35,017 ราย
เสียชีวิต 3 ราย (อ.เมืองยะลา 2 ราย , อ.รามัน 1 ราย) ยอดเสียชีวิตสะสม 234 ราย
รักษาอยู่ใน รพ. 7,941 ราย
รักษาหายแล้ว 26,842 ราย
#อะหมัด_รามันห์สิริวงศ์/ยะลา