สุรินทร์-นายฉัตรชัยวงศ์ ชูเลิศ ประธานเครือข่ายเฝ้าระวังทุจริตส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น เข้าแจ้งความ ม.157 บิ๊กข้าราชการสุรินทร์ เพิกเฉย กรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ผู้บริหารท้องถิ่น
วันที่ 4 พ.ย.2564 เวลา 12.30 น. นายฉัตรชัยวงศ์ ชูเลิศ ประธานเครือข่ายเฝ้าระวังทุจริตส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น พร้อมด้วยนายธรรมกฤษณ์ พรมพันธุ์ ที่ปรึกษาเครือข่ายฯ ได้นำเอกสารประกอบเข้าพบ พ.ต.ท.รัฐพงษ์ พรมมี สว.(สอบสาน) สภ.เมืองสุรินทร์ เข้าแจ้งความผู้บริหารระดับสูงของจังหวัด ในกรณี ป.ป.ช.สอบสวนชี้มูลความผิดเกี่ยวกับคดีอาญาผู้บริหารท้องถิ่น (นายก อ.บ.ต.) ที่มีการสอบสวนภายในกันเอง นายอำเภอสรุปเรื่องว่ามีความผิดอาญาแล้ว ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้งถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น และกรณีอัยการส่งสำนวนฟ้องศาลทุจริตภาค 3 ประทับรับฟ้องและมีคำพิพากษาจำคุกไม่รอลงอาญาหลายแห่งใน จ.สุรินทร์ จาก อบต.ทั้งหมด 144 แห่ง แต่มีอยู่ 4 ที่เท่านั้นที่ตกเป็นข่าว แต่พบว่าทางผู้บริหาร ท้องถิ่นดังกล่าวยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
นายฉัตรชัยวงศ์ ชูเลิศ ประธานเครือข่ายฯ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความผู้บริหารระดับสูง ของจังหวัดสุรินทร์ จำนวน 4 ราย เนื่องจากเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้งถอดถอนสมาชิกสภาห้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ในเมื่อได้รับหนังสือและทราบเรื่องจากคณะกรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอาญาศาลทุจริตภาค 3 ประทับรับฟ้องและมีคำพิพากษาจำคุกไม่รอลงอาญาแล้ว แต่ยังเพิกเฉย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามความผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือล่าช้ากรณีนายก อ.บ.ต.รายหนึ่ง ซึ่งจะต้องสั่งให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่หลังจากได้รับสำนวนจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.และจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้และไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 100 ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้งถอดถอนจงใจไม่ปฏิบัติ
นายฉัตรชัยวงศ์ ชูเลิศ ประธานเครือข่ายเฝ้าระวังทุจริตส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนเองได้รับมอบหมายจากสมาชิกเครือข่าย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษข้าราชการระดับสูงของจังหวัดสุรินทร์ จำนวน 4 ราย ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ในกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอาญา ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้งถอดถอน ไม่ได้สั่งให้ระงับ/ยับยั้ง/หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตนและทีมงาน จึงได้รวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมด เพื่อเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษดังกล่าว ในข้อหา ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้ง ได้แจ้งความดำเนินคดีใน ม.100 พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูณว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ทั้งนี้ภาคีเครือข่ายเฝ้าระวังทุจริตส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น การทำงาน ณ จุดนี้ ในส่วนของภาคประชาชน ไม่มีนโยบาย-วัตถุประสงค์จะไปโจมตีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทำให้เกิดการได้เปรียบหรือเสียเปรียบ โดยในกรณีนี้ ผู้ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอาญาแล้วนั้น บิ๊กข้าราชการคนดังกล่าว จะต้องชี้-จะต้องสั่งให้พ้นจากตำแหน่งโดยกฎหมายอยู่แล้ว.
ภาพ-ข่าว กฤษดากร กีรติธำรงค์จริญ ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์