จัดขบวนแห่ “เฌอแซนโฎนตา” ส่งเสริมประเพณีสารทเดือนสิบ

จัดขบวนแห่ “เฌอแซนโฎนตา” ส่งเสริมประเพณีสารทเดือนสิบ

สุรินทร์ – ชาวตำบลสะเดาเชื้อสายเขมร จัดขบวนแห่ “เฌอแซนโฎนตา” ส่งเสริมประเพณีสารทเดือนสิบ

 

วัที่13ตุลาคม25566เวลา09:00นผู้สื่อข่าวประจำจ.สุรินทร์รายงานว่า ชาวตำบลสะเดา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ได้มีการเเห่ขบวนเฌอเเซนโฎณตาตามประเพณี ชุมชนตำบลสะเดา โดยมีนายสมชาย วงศ์จริยะเกษม นายอำเภอบัวเชด วัน


นายคมศักดิ์ เเซ่เตียว(สจ.หนุ่ม) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ (อ.บัวเชด)
นายภิญโญ ฉลาดรอบ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสะเดา เเละ กำนัน/ผู้ใหญ่ผู้ช่วยตำบลสะเดา เเละนักเรียนโรงเรียนบ้านสะเดาพร้อมกับพี่น้องประชาชนในชุมชน 6 ชุมชน โดยใช้เวลาจัดเตรียมอาหารคาวหวาน ผักผลไม้นานนับสัปดาห์ กว่าจะได้เครื่องเซ่นไหว้กว่า50อย่าง ใส่จนเต็มกระเฌอยักษ์ เครื่องจักสานฝีมือชาวบ้าน ต.สะเดา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ที่นำมาแทนความสามัคคี แสดงกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ในงานบุญเดือน 10 แห่กระเฌอแซนโฎนตา

ขบวนแห่เฌอแซนโฏนตา จาก 6หมู่บ้าน ความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร เป็นกิจกรรมเพื่อส่งเสริมประเพณี และฟื้นฟูการสานกระเฌอ ภูมิปัญญาจักสานพื้นบ้านที่ตกทอดอยู่ในชุมชนสุรินทร์พื้นถิ่นเชื้อสายเขมร บุญใหญ่ที่ร่วมอุทิศให้กับญาติที่ล่วงลับ ทำพร้อมกันทุกปีที่วัดศิลาอาสนาราม ตามความเชื่อว่าตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษจะกลับมาเยี่ยมลูกหลาน เครื่องเซ่น เช่น ข้าวต้ม หมูย่าง ไก่ย่าง ปลาย่างและเครื่องดื่ม แต่ละครอบครัวจะช่วยกันจัดเตรียมอย่างดี โดยถืองานแซนโฎนตาเป็นวันรวมญาติ

ขณะที่พระครูสันติธรรมาภินันท์ เจ้าอาวาสวัดศิลาอาสนาราม กล่าวว่า ช่วงหลังมีกะละมัง ภาชนะใหม่ๆใส่ของเซ่นไหว้เอามาที่วัด ซึ่งแต่เดิมเป็นกระเชอที่สานกันเอง จึงจัดให้นำกระเชอมาใช้ในขบวน

ทั้งนี้ คำว่า “แซน” หมายถึงการเซ่นไหว้ โฎนคือย่ายาย และตาก็คือปู่ตาค่ะ แซนโฎนตา จึงเป็นเหมือนวันนัดหมายใหญ่ที่ลูกหลานจะร่วมกันแสดงกตัญญูต่อบรรพบุรษ ในวันแรม 14 ค่ำเดือน 10 เรียกว่าเบ็นธมหรือว่าสารทใหญ่ เชื่อว่าเป็นวันสุดท้ายที่ยมโลกจะปลดปล่อยดวงวิญญาณ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วให้มารับส่วนบุญ จะเซ่นไหว้กัน 3 เวลา ซึ่งที่วัดจะทำอีกครั้งตอนตี 4 วันรุ่งขึ้น ส่วนค่ำนี้แต่ละครอบครัวก็จะทำพิธีกันในบ้านของแต่ละคน

ชาวสุรินทร์หรือกลุ่มชาติพันธุ์เขมรมีความเชื่อว่า เมื่อวันดังกล่าวนี้เวียนมาถึงวิญญาณบรรพบุรุษผู้ถึงกาละไปก่อนแล้วจะพากันเดินทางมาเยี่ยมเยียนลูกหลานหรือญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อรวมโฮปปะชา (รับประทาน) ข้าวปลา อาหาร ของหวาน ของคาว เครื่องดื่มต่าง ๆ การเซ่นล้วนแล้วแต่มีอาหารที่บรรพบุรุษเคยชอบเมื่อยังมีชีวิตอยู่เมื่อเครื่องเซ่นทุกอย่างพร้อมแล้ว
.ลูกหลานมาพร้อมหน้ากัน ผู้อาวุโสในพิธีก็จะนำกล่าวเริ่มทำการเซ่นโดยจุดธูปเทียนยกขันห้าไหว้ และเรียกดวงวิญญาณบรรพชนให้มารับเครื่องเซ่นไหว้ เรียกวิญญาณเอ่ยชื่อให้ได้มากที่สุดขณะเดียวกันก็รินเครื่องดื่มไปด้วย


.
ไงแซนโฎนตาเป็นโอกาสที่ญาติๆ ที่อาศัยอยู่ที่อื่นได้กลับบ้านมาเยี่ยมพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ได้รับพรจากผู้ใหญ่ เป็นศิริมงคลแก่ชีวิต ทำให้เกิดความรักสามัคคีระหว่างเครือญาติ เกิดความเสียสละ เพราะเครื่องเซ่นไหว้ทุกคนมีส่วนหามา และมีโอกาสช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
.
ไงแซนโฎนตา ถ้าลูกหลานคนใดไม่ได้จัดทำ หรือไม่มาร่วมพิธีโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรบรรพบุรุษอาจไม่พอใจ อาจจะโยงเป็นเหตุให้ทำมาหากินไม่ราบรื่น จิตใจเกิดความกังวลไม่เป็นสุข ด้วยความเชื่ออย่างนี้ทุกคนจึงพยายามไปร่วมพิธี หรือไม่ก็จัดเครื่องเซ่นไหว้ที่บ้านของตน

ภาพข่าว : พูนสิน ยั่งยืน
.

ติดต่อลงโฆษณากับสุรเดช เหลาคำ โทร093-3427988

ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวทั่วไป สังคม