วอนเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบทำให้ถูกระเบียบและกฎหมายก่อนก่อสร้างสนามบินนานาชาติ ภูเก็ต-พังงา แห่งที่ 2
ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายที่จะดำเนินการก่อสร้างสนามบินนานาชาติ ภูเก็ต-พังงา แห่งที่ 2 โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรีบเร่งดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการงานการขอใช้พื้นที่ดินสาธารณประโยชน์พลเมืองใช้ร่วมกันในตำบลโคกกลอย และตำบลเหล่ายูง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เพื่อดำเนินการก่อสร้างเป็นสนามบินนานาชาติ ภูเก็ต-พังงา แห่งที่ 2 และในวันที่ 29 กันยายน 2566 นายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่ตรวจราชการโดยมีหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน ให้การต้อนรับ ในการลงตรวจดูพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างสนามบินดังกล่าว แต่เดิมครั้งสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และกระทรวงคมนาคมในสมัยนั้น ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กำหนดพื้นที่จะดำเนินโครงการก่อสร้างสนามบิน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองทุ่งมะพร้าว ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา แต่มีหลายหน่วยงานรวมทั้งองค์กรภาคเอกชนทักท้วง พื้นที่ดังกล่าวไม่เหมาะสมในการดำเนินการก่อสร้างสนามบิน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องก็ได้เสนอ พื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ อยู่ที่ตำบลโคกกลอยและตำบลหล่อยูง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ (ทุ่งเลี้ยงสัตว์) หมู่ที่ 2 “ชื่อ ทุ่งเลี้ยงสัตว์คลองโตน” เนื้อที่ 6,000 ไร่ หมู่ที่ 7 และ 8 “ชื่อ ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ควนเขาน้อย” เนื้อที่ 8,455 ไร่ หมู่ที่ 9 “ชื่อ ทุ่งสงวนนากลาง” เนื้อที่ 3,000 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้ง 4 หมู่บ้าน จำนวน 17,455 ไร่ และตำบลหล่อยูง หมู่ 2 “ชื่อ ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์บางปลา” เนื้อที่ 2,100 ไร่ หมู่ 3, 4 “ชื่อ ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์บางหลาม” เนื้อที่ 900 ไร่ รวมทั้งหมด 3,000 ไร่ และรวมทั้งหมด 7 หมู่บ้าน 2 ตำบล มีเนื้อที่ 20,555 ไร่ ผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลที่ดินสาธารณประโยชน์ตามกฎหมาย นายอำเภอตะกั่วทุ่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกลอยและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหล่อยูง ยังไม่ได้ดำเนินการขอออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) แต่อย่างใด ซึ่งในบริเวณพื้นที่ได้กล่าวถึงนั้น บางหมู่บ้านบางตำบลมี
ใบหนังสือแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3.ก) และมีโฉนดที่ดิน หากว่ารัฐบาล ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จะนำพื้นที่มาดำเนินการก่อสร้างสนามบินนานาชาติ ภูเก็ต-พังงา แห่งที่ 2 จริง สิ่งที่ผู้มีอำนาจหน้าที่จังหวัดพังงา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายอำเภอตะกั่วทุ่ง องค์การบริหารส่วนตำบลโคกกลอยและองค์การบริหารส่วนตำบลหล่อยูง ซึ่งมีข้อเสนอแนะดำเนินการ ที่ 1 ดังนี้
- องค์การบริหารส่วนตำบลโคกกลอยและองค์การบริหารส่วนตำบลหล่อยูง จะต้องขอยื่นออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) พร้อมขอใช้ขอถอนสภาพเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ควบคู่กันไป ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะขอทำการรังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) หากมีประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ยื่นคัดค้าน ให้ดำเนินการพิสูจน์สิทธิ์ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 45 ออกตามความใน พระราชบัญญัติประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ จังหวัดพังงา (ก.ป.ร.) เพื่อพิสูจน์ว่าประชาชนที่ยื่นขอคัดค้านและขอพิสูจน์สิทธิ์นั้น ได้เอกสารสิทธิ์มาชอบด้วยกฎหมายก่อนที่จะมีประมวลกฎหมายที่ดินหรือไม่
- ประชาชนที่ครอบครองเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ที่ไม่มีหนังสือ แสดงการได้มาตามประมวลกฎหมายที่ดิน (ที่มือเปล่า) จะต้องร้องต่อศาลภายใน 60 วัน เพื่อให้ศาลพิจารณาว่า ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์อยู่นั้น มีสิทธิ์ในที่ดินอย่างหนึ่งอย่างใด หรือไม่
หากผลพิสูจน์ตามข้อเสนอแนะทั้ง 2 ข้อนั้น เป็นข้อยุติทุกกระบวนการ ผู้มีอำนาจหน้าที่ต้องประกาศออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถนำเข้าสู่กระบวนการขอใช้ ขอถอนสภาพตามที่ระเบียบกฎหมายกระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้
ในการนี้ เพื่อความโปร่งใสเป็นธรรม ตรวจสอบได้ และมิให้ผู้ใดมาแสวงหาผลประโยชน์ในที่ดินของรัฐทั้งทางตรงหรือทางอ้อม มิให้ผู้มีอิทธิพลใดๆ มายึดถือครองที่ดินของรัฐเป็นแหล่งฟอกเงิน เป็นการสนองนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เสริมสร้างพัฒนาประเทศในระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพในพื้นที่ และประชาชนจะได้เคารพกฎหมายและเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจหน้าที่จะได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมเสมอภาค จึงมีหนังสือเรียนมายังท่าน ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด ให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ที่ 2 ดังนี้
- ให้องค์การบริหารส่วนตำบลโคกกลอยและองค์การบริหารส่วนตำบลหล่อยูง ดำเนินการ
ขอรังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) ตามอำนาจหน้าที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการคุ้มครองป้องกันที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2553 หมวดที่ 4 (การนำขึ้นทะเบียนที่ดินสาธารณประโยชน์)
ภาพข่าว/สำนักข่าวแผ่นดินไทยโพสต์
ติดต่อลงโฆษณากับสุรเดช เหลาคำ โทร.0933427988