เจาะประเด็นชาวบ้านร้องเรียน นายทุนส่อพิรุธ สร้างสระว่ายน้ำรุกพื้นที่ชายหาดนาจอมเทียน
ป.ป.ช.ประจำจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยกรมเจ้าท่าและเทศบาลนาจอมเทียน นำเจ้าหน้าที่ชุดใหญ่ ตรวจสอบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ริมชายหาดนาจอมเทียน หลังถูกชาวบ้านร้องเรียนว่ารุกล้ำชายหาดอันเป็นพื้นที่สาธารณะ ขณะที่โครงการ ยันความโปร่งใส สร้างตรงตามเขตที่ดินของตนเอง
นายกิจติพงค์ ขลิบแย้ม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดชลบุรี ได้มอบหมายให้กลุ่มงานป้องกันการทุจริต เข้าร่วมลงพื้นที่เพื่อติดตามกรณีที่มีชาวบ้านร้องเรียนผ่านไปยัง กรมเจ้าท่า และเทศบาลตำบลนาจอมเทียน หลังพบว่ามีนายทุนก่อสร้างสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ยื่นลงมากินพื้นที่ชายหาดนาจอมเทียน หมู่ที่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
จากการลงพื้นที่ พบว่าบริเวณที่ชาวบ้านให้ตรวจสอบเป็นชายหาดซึ่งมีพิกัดอยู่บนพื้นที่ระหว่างหลังร้านอาหารลุงไสว กับชายหาดต้นหาด ตรวจสอบพบว่าเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่สร้างบนชายหาดยื่นออกมาถึงชายทะเล ซึ่งถ้าหากมองโดยทั่วไปจะสังเกตได้ว่า เป็นการสร้างสระที่ยื่นกินพื้นที่ชายหาดมามากกว่าพื้นที่ของผู้ประกอบการอื่นบริเวณข้างทั้งสองข้างเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากแบบแปลนของสถานที่ดังกล่าว โดยมี นางสาวอรวรรณ อายุ 30 ปี ตัวแทนเจ้าของโครงการ เป็นผู้พาตรวจสอบ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวคล้ายเป็นโรงแรมหรือที่พักซึ่งยังไม่ได้เปิดให้บริการ โดยมีป้ายติดว่าเป็น “พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามบุกรุก” ขณะที่ในส่วนของตัวสระว่ายน้ำที่เป็นประเด็นปัญหานั้น คล้ายกับเพิ่งจะสร้างแล้วเสร็จได้ไม่นาน หลังจากที่ได้มีการก่อสร้างตัวอาคารโรงแรม โดยเมื่อตรวจสอบทาง Google Map ที่แสดงไทม์ไลน์เทียบเวลาก่อนและหลังในการก่อสร้างบนพื้นที่ชายหาด ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนว่า สระว่ายน้ำดังกล่าวถูกสร้างขึ้นได้ประมาณ 2 ปี ทางสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดชลบุรี จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมเจ้าท่า และเทศบาลตำบลนาจอมเทียน ตรวจสอบว่าการสร้างนั้นเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นการสร้างรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่สาธารณะ เพราะก่อนหน้านี้ ทางกรมเจ้าท่าได้มีหนังสือให้ชาวบ้านที่ทำมาหากินอาชีพประมงพื้นบ้าน รื้อสิ่งปลูกสร้างไปแล้วกว่า 10 ราย
จากการเปิดเผยของ นายปุณยรัตน์ ธนีรมย์ ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลนาจอมเทียน ระบุว่า ในเบื้องต้นจากที่ได้ทำการวัดและเปรียบเทียบแบบแปลนที่เจ้าของโครงการได้ขออนุญาตมา พบว่าเป็นการดำเนินการก่อสร้างถูกต้องตามแบบแปลนที่ขออนุญาต ยืนยันการก่อสร้างของโครงการที่กล่าวอ้างว่า สร้างอย่างถูกต้องตามแบบบนที่ดินของตนเองและไม่ได้รุกล้ำพื้นที่สาธารณะ และตั้งแต่เริ่มก่อสร้างมา ก็ได้ยื่นแบบที่มีสระว่ายน้ำอยู่หน้าหาดอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เริ่มแรก เพิ่งจะมาก่อสร้างเพิ่มเติมในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องของแนวเขตจริง ๆ นั้นยังยื่นลงไปอีก โดยทางเจ้าของโครงการยังได้ขออนุญาตสร้างแนวกำแพงขึ้นมา เพื่อป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะเข้าไปถึงข้างในตัวอาคาร แต่อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดชลบุรี ให้ความเห็นว่าเรื่องแนวเขตที่ดินควรรอผลการรังวัดสอบเขตของกรมที่ดิน จะมีความชัดเจนมากกว่าการกล่าวอ้าง นอกจากนี้ พบว่าในพื้นที่เทศบาลตำบลนาจอมเทียน ยังมีประเด็นการรุกล้ำที่สาธารณะหลายจุด เช่น การสร้างกำแพงปิดกั้นถนนสาธารณะอีกด้วย
สำหรับเรื่องของปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะส่วนใหญ่มักเกิดจากความโลภ ผู้บุกรุกส่วนใหญ่มักกล่าวอ้างว่า ไม่ทราบว่าเป็นที่ดินสงวนหวงห้าม หรือเห็นว่าเป็นที่ว่างเปล่า จึงเข้าไปยึดถือครอบครองทำประโยชน์ หรือปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างชั่วคราวเพื่อทำประโยชน์ หรือแม้กระทั่งกรณีการกล่าวอ้างว่า ไม่ทราบอาณาเขตที่แน่นอน แต่ในกรณีที่การก่อสร้างบุกรุกพื้นที่สาธารณะ เกิดจากการรู้เห็นร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ดูแลพื้นที่สาธารณะกับผู้บุกรุก โดยปล่อยให้เอกชนได้รับประโยชน์โดยมิชอบ กรณีนี้จะถือเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สาขาพัทยา ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างและรุกล้ำชายหาดนาจอมเทียนครั้งนี้ด้วย ยังอยู่ในขั้นตอนการรอผลการรังวัดตรวจสอบแนวเขตของสำนักงานที่ดิน หากพบว่าเจ้าของโครงการดังกล่าวเจตนาปลูกสิ่งก่อสร้าง ไม่ว่าจะตัวอาคารโรงแรมหรือสระว่ายน้ำเกินขอบเขตที่ดินและรุกล้ำเข้ามาบริเวณชายหาดตามข้อสงสัยของประชาชนจริง จะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือ และต้องถูกดำเนินคดีการตามกฏหมายต่อไป