นายอำเภอลงพื้นที่ยกเสาเอก เสาโท ร่วมกับราษฎรในการปลูกบ้านให้กับผู้อยากไร้ในตำบลท่าสีดา
วันที่22สิงหาคม พศ.2567เวลา09.09น.นายพัสกร ธนแสนไทยนายอำเภอหนองพอก พร้อมภริยา นางจิราภรณ์ ธนแสนไทยแม่บ้านมหาดไทย ร่วมพิธียกเสาเอก เสาโท บ้านผู้ยากไร้ที่บ้านท่าสะอาดหมู่ที่1ตำบลท่าสีดา อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ดโดยมีนายสันติ นามบูญลือ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันความมั่นคง นายบรรจง วรรณทอง นายกเทศบาลตำบลท่าสีดา นางเกษราณีร์ คัณทาวัฒน์ปลัดเทศบาลตำบล นาย วิกุล โคตา กำนัน/นางอารีย์ เสียงใหญ่/ผู้ใหญ่บ้านทั้ง11หมู่บ้าน/ผู้ช่วย/แพทย์/สารวัตร/อสม.เจ้าหน้าทีหน่วยงานเทศบาล ชาวบ้านท่าสะอาด-ท่าอุดมร่วมด้วยช่วยกันสารฝันให้ตายยาย ด้วยจิตอาสาก่อสร้างบ้านให้นายทองคำ ฉิมวงศ์ และนางบุญเรือง สุราอามาตร์ สองตายาย เมียพิกาลตาบอด อายุ66ปีทีได้รับความเมตตาจากท่านพระครูสมุห์สุริยา สุภัทโท (พระอาจารย์ต้น)เจ้าอาวาสวัดบ้านโป่ง ตำบลบุ่งเลิศ อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ดและส่วนราชการสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอหนองพอก ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลท่าสีดาร่วมกัน ซึ่งถือเป็น การช่วยเหลือดูแลผู้ด้อยโอกาสให้มีการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพอย่างความตั้งใจอย่างแท้จริงของโครงการพลังบวรรู้รักสามัคคี คนไทยไม่ทิ้งกัน รวมพลังก่อให้เกิดความสามัคคี เป็นการรวมพลังจิตอาสา สละเวลา กำลังกาย กำลังทรัพย์และกำลังใจก่อสร้างบ้านโครงการบ้านในฝันเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา6รอบ 28กรกฎาคม 2567
ในการก่อสร้างครั้งนี้ได้รับ ความร่วมมือเป็นอย่างดีจากท่านกำนันวิกุล โคตา ผู้ใหญ่บ้าน/ผู้ช่วย/เจ้าหน้าที่เทศบาลในเขตพื้นที่ตำบ1ลท่าสีดา ทั้ง11หมู่บ้านประกอบมีจิตอาสาได้อบอาหารเครื่องดื่มให้โดยไม่คิดค่าใช่จ่ายไดๆนับว่าเป็นพลังบวกแห่งความดีทุกฝ่ายได้ร่วมกันซึ่งงบประมาณค่าวัสดุได้รับการสนับสนุนจากท่านพระครูสมุห์สุริยา สุภัทโท จำนวน30.000บาทและชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตำบลท่าสีดา15000บาทเป็นสมทบช่วยเหลือผุ้ยากไร้ในเบื้องตัน
นายพัสกร ธนแสนไทย นายอำเภอหนองพอก กล่าวว่า อำเภอได้มีการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาความยากจน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้กับพี่น้องประชาชน.ประ กอบกับกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญของการทำงานระหว่างบ้าน วัด และส่วนราชการเพื่อช่วยให้พี่น้องประชาชนได้รับการบำบัดทุกข์ให้น้อยลง จะหมดไป และมีความสุขที่เพิ่มพูนอย่างยั่งยืน.
สามารถ จำปาหวาย/ภาพ-ข่าว
“ศูนย์ข่าวจังหวัดร้อยเอ็ด”
