ทหารเก่า ไม่ทิ้งลาย เขียนพ๊อตเก๊ตบุ๊ค “เสน่ห์เมืองน่าน “เล่าเรื่องราวการสู้รบกับ ผกค.ในอดีตในสมรภูมิจังหวัดน่าน
พ.อ.วินัย ยาวไทยสงค์ อายุ 68 ปีนายทหารนอกประจำการ และร.ต.ธรรมนูญ ขำไทยแท้ อายุ 68 ปีนายทหารนอกประจำการ สังกัด กองพันทหารม้าที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2 ค่ายพิชัยดาบหัก มณฑลทหารบกที่ 35 เปิดเผยว่า
จากสถานการณ์ความขัดแย้งในด้านความไม่เข้าใจกันในอดีต ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ กับกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐรังแก จนต้องหันไปให้ความร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามที่กำลังโฆษณาชวนเชื่อเพื่อที่จะดึงมวลชนเข้าไปร่วมขบวนการติดอาวุธและดำเนินการต่อต้านการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยกลุ่มโฆษณาชวนเชื่อ กระทำโดยใช้นโยบายปรับทุกข์ผูกมิตรกับประชาชน ยุแยงให้เกลียดชังฝ่ายรัฐบาลตามลัทธิคอมมิวนิสต์ จนมีเหตุการณ์เสียงปืนแตกเกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อวันที่ 7สิงหาคม2508 ที่จังหวัดสกลนคร จากนั้นก็ขยายวงกว้างไปทั่วภูมิภาคของประเทศไทย จังหวัดน่าน เป็นสถานที่ตั้งอำนาจรัฐของผู้หลงผิดรวมทั้งหมด 7 เขตงาน
สำหรับการเขียนประวัติศาสตร์การรบในครั้งนี้ เรียนให้ผู้อ่านได้ทราบว่า ผู้เขียน เขียนจากประสบการณ์ตรง ทุกเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์จริงบางเหตุการณ์ผู้เขียนได้กล่าวถึงและได้เอ่ยนามของผู้บังคับบัญชาชั้นสูงหลายท่านโดยไม่ได้ขออนุญาตท่านเป็นการส่วนตัว นั่นเพราะต้องการให้บุคคลรุ่นหลังได้ทราบว่าสมัยนั้นการปฏิบัติงานในสนามรบ ระดับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงท่านเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ห่างกาย ท่านเสียสละ ทุ่มเทให้กับงานการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้อย่างกล้าหาญ เสียสละ มีลักษณะผู้นำเป็นเลิศขอสดุดีนักรบผู้กล้าที่ต้องสละชีวิต สละอวัยวะทุพพลภาพในเหตุการณ์การรบครั้งนี้ผู้เขียนต้องการอธิบายคำว่า มีทหารเอาไว้ทำไม นักรบรุ่นเก่า ๆ เขาเสียสละเลือดเนื้อเพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลานจนถึงปัจจุบัน ทหารทุกคนมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ปกป้องประเทศชาติ ด้วยเลือดเนื้อ และชีวิต เพราะทุกคนยึดมั่น และเทิดทูนใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คนจะทำลายล้างไม่ได้ คติพจน์ทหารกล้า เสียสละเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างปี 2519-2527ซึ่งตนเองได้ถ่ายทอดประสบการณ์การรบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์หรือผกค.ในสมัยอดีตตั้งแต่ปี 2519 จนถึงปี 2537 ผ่านลงในหนังสือ pocket book ชื่อเสน่ห์เมืองน่านในเนื้อเรื่องจะเป็นเรื่องราวประสบการณ์ของตนเองและเพื่อนๆทหารที่ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจทางทหารสู้รบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่จังหวัดน่านและเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์การรบของทหาร จากกองพันทหารที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2 กองทัพภาคที่ 3 และในสมัยปี 2515 ถึง 23 เป็นช่วงที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์มีอิทธิพลในโซนภาคเหนือตั้งแต่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์และเขตติดต่อจังหวัดเลยโดยเปิดฉากเรื่องราววันเสียงปืนแตกในปี 2511ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้มีกำลังทหารพร้อมอาวุธเป็นของตัวเองโดยการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเปิดฉากการต่อสู้กับกำลังทหารของฝ่ายรัฐบาลมีการปะทะกันหลายครั้งสร้างความสูญเสียให้กับทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายผู้ก่อการร้ายของพาณิชย์หนังสือเล่มนี้เขียนเอามาจากประสบการณ์ลบโดยตรงของตนเองและเพื่อนทหารในเล่มจะมีเรื่องราวต่างๆพร้อมภาพประกอบเรื่องราวดีทั้งขบขันและเรื่องราวการรบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นรวมไปถึงเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์การรบของเราทหารสังกัดกองพันทหารม้าที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2 กองทัพภาคที่ 3 ที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ครั้งหนึ่งคนไทยหันมาเข่นฆ่ากันเองโดยมีอุดมการณ์ที่แตกต่างกันซึ่งก่อนที่จะสลายกำลังลงไปทางฝ่ายรัฐบาลได้เปิดยุทธการหลายยุทธการขึ้นมาคือยุทธการน่านเกรียงไกร ยุทธการน่านร่มเย็นและยุทธการสุริยพงษ์ 1 2 3 4 5 จนกระทั่งมีนโยบายที่ 66/25 23 โดย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบกได้นำนโยบายดังกล่าวมาใช้เป็นการใช้การเมืองนำหน้าการทหารและให้ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์วางอาวุธและมอบตัวมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจนในที่สุดอิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ค่อยสลายกำลังลงไป สาเหตุที่ใช้ชื่อเสน่ห์เมืองน่าน ในอดีตมีแต่ความโหดร้าย มีแต่สถานการณ์การสู้รบ แต่ปัจจุบันพื้นที่ในการสู้รบจังหวัดน่าน กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับของประเทศไทยจึงทำให้ใช้ชื่อ pocket ของหนังสือว่าเสน่ห์เมืองน่านสำหรับราคาจำหน่ายเล่มละ 250 บาทต่างจังหวัดมีค่าส่งอีกต่างหากผู้ที่สนใจเรื่องราวในประวัติศาสตร์การสู้รบทหารไทยกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยสามารถติดต่อได้ที่พันเอกวินัย ยาวไทยสงค์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-962-7044
ภาพ/ข่าว-ณัฐวัฒน์ ราชประสิทธิ์ ภาพ/ข่าวอุตรดิตถ์ 0612928668