ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 แจงเหตุโรงเรียนของบสร้างอาคารเรียน แทนหลังเก่าที่ชำรุด ทุกปีแต่ไม่เคยได้
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 นายลิขิต เพ็งประสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 (สพป.ศรีสะเกษ เขต 4) เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีการร้องเรียนโรงเรียนไม่ได้งบก่อสร้างอาคารหลังใหม่ โรงเรียนบ้านจอก(ประชาสามัคคี) จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อทดแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมและได้ทำการรื้อถอนไปแล้ว นั้น
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 ยืนยันว่าได้ให้ความสำคัญกับโรงเรียนที่มีความขาดแคลนจำเป็น เป็นลำดับแรก จึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับทางโรงเรียน โดยได้มอบหมายให้ นางสาวนารีรัตน์ เอกศิริ รอง ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 และ นางรุ่งอรุณ บุญไว ผอ.กลุ่มนโยบายและแผน ให้ดำเนินการประสานกับทางโรงเรียนในสังกัดเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงข้อมูลกรณีที่เกิดขึ้น ดังนี้
1.โรงเรียนบ้านจอก(ประชาสามัคคี) ตำบลสะพุง อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นโรงเรียนขนาดขนาดกลาง สังกัด สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 ได้ขออนุญาตรื้อถอนอาคารเรียน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 ได้แก่ อาคารเรียนแบบ ศก.02 และอาคารเรียนแบบ ศก.03/3 (อื่นๆ) เนื่องจากอายุการใช้งานนานกว่า 40 ปี และมีสภาพอาคารผุพัง เสาอาคารเรียนมีสภาพปูนสึกกร่อน และเห็นเหล็กด้านในเสาปูน เสาไม้ด้านบนผุพังแตกร้าว โครงหลังคาเริ่มทรุดตัว จำนวน 2 หลัง สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 ได้มีหนังสืออนุญาตให้รื้อถอนอาคารเรียนดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ซึ่งโรงเรียนบ้านจอกได้ดำเนินการรื้อถอนอาคารเรียน ในช่วงเดือนเมษายน 2566 สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 จึงได้เสนอขอจัดตั้งงบประมาณงบลงทุนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามหนังสือ ที่ ศธ 04141/4185 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2565 โดยคณะกรรมการพิจารณาจัดทำคำขอตั้งงบฯ ได้พิจารณาเรียงลำดับความขาดแคลนจำเป็น โดยมติที่ประชุม ได้พิจารณาให้เสนอขอสิ่งปลูกสร้างใหม่ให้กับโรงเรียนที่ได้รับอนุมัติรื้อถอนมาเป็นลำดับแรก
ซึ่ง สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 ได้เสนอขอก่อสร้างอาคารเรียน แบบ สปช.105/29 ปรับปรุงอาคาร 2 ชั้น 4 ห้องเรียน ใต้ถุนโล่ง บันไดขึ้น 2 ข้าง ให้กับโรงเรียนบ้านจอก(ประชาสามัคคี) ซึ่งในการจัดสรรงบประมาณงบลงทุนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ปีงบประมาณ 2567 ตามหนังสือ สพฐ. ด่วนที่สุดที่ 04006/ว1301 ลงวันที่ 11 เมษายน 2567 ได้แจ้งว่าเนื่องจากระยะเวลาในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีความล่าช้ากว่าปีงบประมาณอื่น (พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีผลบังคับใช้ ในเดือนเมษายน 2567) ซึ่งอาจส่งผลให้หน่วยงานในสังกัดประสบปัญหาในการดำเนินการกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รวมไปถึงการเบิกจ่ายงบประมาณที่อาจล่าช้า และเบิกจ่ายงบประมาณไม่ทันในปีงบประมาณ จากการตรวจสอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบลงทุนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง (งบปีเดียว) รายการที่ได้รับจัดสรรจะเป็นรายการที่ใช้เวลาดำเนินการก่อสร้างและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2567
2.การเสนอขอจัดตั้งงบประมาณงบลงทุนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง งบประมาณ พ.ศ. 2568 งบลงทุนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ซึ่งต้องดำเนินการจัดส่งคำขอภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 ได้พิจารณาจัดตั้งงบฯ โดยในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีต้องไม่เสนอขอซ้ำกับปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ซึ่งยังไม่ได้รับการจัดสรร ณ ช่วงเวลาที่ขอจัดตั้งงบประมาณฯ 2568) ในการดำเนินการขอจัดตั้งงบฯ จึงไม่ได้เสนอขอจัดตั้งอาคารเรียนให้โรงเรียนบ้านจอก(ประชาสามัคคี) แต่ได้เสนอของบในการปรับปรุงซ่อมแซมให้กับทางโรงเรียน
3.การเสนอขอจัดตั้งงบประมาณงบลงทุนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง งบประมาณ พ.ศ. 2569 สพฐ. มีนโยบายให้ สพท. พิจารณาจัดตั้งงบประมาณ งบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างอื่น ให้โรงเรียนที่เคยเสนอขอตั้งไปที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ และให้ดูแลโรงเรียนที่มีความขาดแคลนจำเป็น เพื่อขอตั้งงบฯ ซึ่ง สพท. ได้พิจารณาโรงเรียนที่มีความขาดแคลนจำเป็น ที่ขอตั้งงบประมาณฯ ในปีงบประมาณ 2567 และ 2568 ที่ไม่ได้รับการจัดสรร ขอตั้งงบประมาณไปยัง สพฐ. ซึ่งลำดับแรก คือ โรงเรียนบ้านจอก(ประชาสามัคคี) ตามหนังสือ สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 ที่ ศธ 04141/4732 ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2567
อย่างไรก็ตาม ภาพที่ปรากฏในข่าวนั้น ทางโรงเรียน โดย นายอรรถสิทธิ์ รักโสภา ผอ.โรงเรียนบ้านจอก(ประชาสามัคคี) ได้ชี้แจงข้อมูลว่า เป็นห้องเรียนชั่วคราว เพื่อรองรับนักเรียนที่เกินมาจาก 2 ห้องเรียน (ชั้นป.1 และ ป.2) และทางโรงเรียนจะจัดทำบันทึกชี้แจงเหตุการณ์รายงานมายัง สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 และจะมีการประชุมชี้แจงรายละเอียดร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กรรมการที่ปรึกษา และผู้ปกครองนักเรียน ในวันที่ 19 สิงหาคม 2568 เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจร่วมกันต่อไป.
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน