บิณฑ์พร้อมชาวคณะร่วมกตัญญูช่วยแบกที่นอน หมอน ผ้าห่ม เตาแก๊ส หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน แจกชาวบ้าน ต.น้ำไคร้ จ.อุตรดิตถ์ 450 ครอบครัว

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 เวลา 13.00 น. บริเวณที่ทำการ อบต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู นำโดย ดร.รัตนา สมสกุลรุ่งเรือง ประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมด้วย ดร.บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษมูนิธิฯ คุณ สุรินทร์ สู่สวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายกฎหมายมูลนิธิฯ คุณปิยะลักษณ์ ถิ่นแก้ว หัวหน้าฝ่ายปฎิบัติการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกว่า 50 นาย พากันขนที่นอนยางพารา 6 ฟุต ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม เตาแก๊ส หม้อหุงข้าว กระดิกน้ำร้อน เดินทางมามอบให้กับชาวบ้านในพื้นที่ของตำบลน้ำไคร้ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านหลังจากที่พากันสิ้นเนื้อประดาตัวจากภัยพิบัติน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ ถือเป็นการมอบสิ่งของเหล่านี้ครั้งแรกในพื้นที่กับชาวบ้าน และเป็นหน่วยงานแรกที่มอบสิ่งของต่าง ๆเหล่านี้หลังเกิดภัยพิบัติ สร้างความปลาบปลื้มดีใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มทั้งผู้ให้และผู้รับท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวในพื้นที่ โดยชาวบ้านต่างรวมตัวกันนำเอารถบรรทุกทางการเกษตรหรือรถไทยแลนด์ มาขนเอาสิ่งของต่าง ๆ จนเต็มรถเพื่อกลับไปยังบ้านพักของแต่ละครอบครัว

ขณะที่ ดร.รัตนา สมสกุลรุ่งเรือง ประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู ไปยืนมองสภาพความเสียหายของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ในสำนักงานของ อบต.น้ำไคร้ ที่ถูกน้ำท่วมจนพังเสียหายทั้งหมด พร้อมกล่าวความรู้สึกเห็นใจ และเร่งเห็นความสำคัญในการใช้งานคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน อบต. ซึ่งมีความจำเป็นในเรื่องของการทำข้อมูลสำรวจความเสียหายให้กับชาวบ้าน และหากต้องรองบประมาณจากทางภาครัฐเกรงว่าจะล่าช้า จึงตัดสินใจควักเงินจำนวน 4 แสนบาท เพื่อจัดซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค นอกจากนั้นยังมอบเงินให้กับ 3 ครอบครัวที่สูญเสียชีวิตของคนในครอบครัวอีกครอบครัวละ 20,000 บาท
ด้าน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ กล่าวว่า พื้นที่ตรงนี้น่าจะเป็นพื้นที่ที่สูญเสียที่สุดในอุตรดิตถ์ที่ถูกน้ำป่าเข้าหลากท่วมพื้นที่ ซึ่งขณะเกิดเหตุทางมูลนิธิร่วมกตัญญู เราไม่ได้มาตั้งแต่วันแรก เพราะว่าทุกบ้านเนี่ยจมหมดเป็นบริเวณกว้าง จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูเข้ามาสำรวจเรื่องความสูญเสียความเสียหายปรากฏว่า มีพี่น้องประชาชนสูญเสีย 3 ราย เจอร่างแล้ว 2 ราย ยังไม่เจออีก 1 ราย บ้านเรือนที่จมหายไปทั้งหมดกว่า 30 กว่าหลัง จะเห็นบ้านที่สภาพแบบตะแคงประมาณ 20 กว่าหลัง ตรงนี้เราคิดว่าพี่น้องประชาชนต้องการมากที่สุดคือ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า วันนี้ชาวบ้านเขาดีใจมากไม่เคยมีใครให้มากขนาดนี้ หนึ่งครอบครัวได้ที่นอน 1 อันหมอน 2 ใบ ผ้าห่ม 1 ผืน เตาแก๊ส 1 อัน หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน กระทะ

หลังจากนั้นก็จะเข้าพื้นที่ทองแสงขันอีก 550 หลังคาเรือนคือได้รับของเหมือนกัน ตอนแรกที่เราเข้าไปเจอพี่น้องประชาชนเดือดร้อนแต่เราไม่ได้เอาไรมาเลย ท่านประธานจึงมอบให้เงินให้ครอบครัวละ 2,000 บาทพร้อมถุงยังชีพ หลังจาก สถานการณ์น้ำที่คลาย คุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ได้ย้อนกลับไปอีกครั้งหนึ่งมอบเสื้อผ้าใหม่ให้ชาวบ้านเลือกตามอัธยาศัย นอกจากจะได้เงินและถุงยังชีพแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ที่นอนหมอนมุ้งเครื่องใช้ไฟฟ้าเขาต้องการใช้ตอนนี้ และทำตามที่ท่านประทานมูลนิธิร่วมกตัญญูบอก โดยในครั้งนี้ใช้งบประมาณเกือบ 4 ล้านบาท จากมูลนิธิร่วมกตัญญูที่ประชาชนบริจาคผ่านทางมูลนิธิ
ส่วน นายชื้น วันเกลี้ยง นายก อบต.น้ำไคร้ ให้ข้อมูลกับทางผู้สื่อข่าวว่า สำหรับในพื้นที่ตำบลน้ำไคร้แห่งนี้ เป็นเป็นพื้นที่ต้นน้ำที่เกิดเหตุดินบนเทือกเขาหลายลูกที่อยู่เหนือชุมชนขึ้นไป เกิดการสไลด์ตัวลงมาอย่างหนักทำให้เกิดน้ำป่าพร้อมดินโคลนพัดถล่มชุมชนช่วงเช้ามืดของคืนวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับ 9 หมู่บ้านของตำบล มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 447 ครัวเรือน มีที่เสียหายบางส่วน 318 หลังคาเรือน ในจำนวนนี้ มีเสียหายทั้งหลังจำนวน 87 ครัวเรือน หายไปกับน้ำจำนวน 35 ครัวเรือน ซึ่งรุนแรงถึงขั้นไม่เหลือแม้แต่ที่ดินปลูกสร้าง นอกจากนั้นยังมีผู้สูญหาย 3 คน เจอศพแล้ว 2 ยังไม่เจออีก 1 ช่วงนี้ก็ได้ประสานไปทางที่สำนักงานที่ดินจังหวัดในการจัดสรรที่ดินอยู่อาศัยให้กับทางชาวบ้านบางส่วนบ้างแล้ว รวมไปถึงที่ดินสาธารณะประโยชน์ ตอนนี้กำลังประสาน นายอำเภอน้ำปาด ประสานผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เร่งสร้างบ้านอยู่ชั่วคราวที่หน่วยป่าไม้ หลังจากนั้นก็จะขอที่ดินเพื่อสร้างบ้านบนที่ดินจัดสรรตาม เพื่อให้ชาวบ้านได้อยู่อาศัย ส่วนที่ดินเดิมของชาวบ้านหลังจากเกิดเหตุ และได้ออกสำรวจแล้วพบว่า ไม่สามารถดำเนินการสร้างได้เลย เนื่องจากถูกกระแสน้ำที่รุนแรง ซัดเปลี่ยนทิศทางน้ำในคลองใหม่จนหมด
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นครั้งแรกในพื้นที่ที่เกิดความเสียหายและเกิดความสูญเสียเป็นวงกว้าง ที่ เคยเกิดตอนปี 2521แต่ไม่หนักขนาดนี้ ครั้งนี้หนักที่สุดตั้งแต่สร้างบ้านมาก็ไม่เคยเจอ
ขณะนี้ความเดือดร้อนของชาวบ้านในขณะนี้ การฟื้นฟูชุมชนก็คงต้องใช้ระยะยาวที่ผ่านมาก็มีหลาย ๆ หน่วยงานเข้ามาช่วยเบื้องต้นบ้างแล้ว ส่วนการเยียวยาจากภาครัฐขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งทาง อบต.สามารถดำเนินการได้สูงสุดที่ 49,500 บาท ต่อครอบครัวแล้วแต่ความเสียหาย ซึ่งจะต้องเป็นไปตามระเบียบของท้องถิ่น.
ภาพ/ข่าว : ก๊วก สมุทรปราการ 087-6122558 // บัณฑิต ชวาลา
หนังสือพิมพ์แผ่นดินไทยโพสต์

