2 ตายาย” ร่ำไห้! ร้องสื่อตามหาลูกชาย ขอให้กลับบ้าน เนื่องจากโดนยืดที่ดินขายทอดตลาดจากการไปกู้เงิน กยศ.กว่า 1.3 แสน

2 ตายาย” ร่ำไห้! ร้องสื่อตามหาลูกชาย ขอให้กลับบ้าน เนื่องจากโดนยืดที่ดินขายทอดตลาดจากการไปกู้เงิน กยศ.กว่า 1.3 แสน

กำแพงเพชร- 2 ตายาย” ร่ำไห้! ร้องสื่อตามหาลูกชาย ขอให้กลับบ้าน เนื่องจากโดนยืดที่ดินขายทอดตลาดจากการไปกู้เงิน กยศ.กว่า 1.3 แสน สุดท้ายทุกข์หนักตายายไม่มีเงินซื้อที่ดินต่อจากนายทุนที่ขายต่อให้กว่า 8 แสน ย้ำขอนอนตายที่ดินเดิม (คลิป)

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก “นายเชิด นุ่มวงษ์” อายุ 88 ปี และ “นางทองคำ นุ่มวงษ์” อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.1 ต.วังไทร อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร (สองสามีภรรยา) ว่าขอให้เป็นสื่อกลางในการตามหาลูกชายของตนเอง ชื่อ “นายธนา นุ่มวงศ์” อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/5 ม.1 ต.วังไทร อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ที่หายไปตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา รวม 5 เดือน เนื่องจาก “นายธนา นุ่มวงษ์” (หรือโอ) ได้บอกกับพ่อแม่ของตนเองว่าจะออกไปหาเงินมาใช้หนี้ กยศ. ที่ตนเองกู้ยืมเรียนจบในช่วงปี 2543 รวม 130,000 บาท จนสุดท้ายมีหนังสือจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดกำแพงเพชร ประกาศยืดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านั้นสำนักงานบังคับคดีได้ทำการเคาะขายทอดตลาดไปแล้ว 4 รอบ จนมีผู้เคาะซื้อไปได้ในราคา 402,000 บาท จากที่ดินจำนวน 16 ไร่ 89.9 ตารางวา ส่วนหนังสือทวงถามหนี้จาก กยศ.ที่ส่งมาให้กับนายธนา (ลูกตายาย) ก็ถูกซ้อนไว้ในห้องของนายธนา เมื่อมาค้นเจอก็สายไปแล้วที่จะไกล่เกลี่ยขอประนอนหนี้
ต่อมาในวันที่ 3 กันยายน 2563 ผู้ที่ซื้อทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ได้มาเสนอขายพร้อมทำสัญญาซื้อขายต่อ ให้กับตายาย และลูกชายที่บ้าน (กำแพงเพชร) ในราคา 800,000 บาท ซึ่งก็ได้ทำสัญญาซื้อขายกันในวันดังกล่าว โดยลูกชายบอกกับตายายว่า ต้องจ่ายมัดจำ 20,000 บาท และเซ็นต์เอกสารสัญญาซื้อขาย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดตากับยายไม่รู้เลยว่าที่เซ็นต์ไปนั้นคืออะไร ลูกชายบอกให้เซ็นต์เอกสารก็เช็นต์ไปตามนั้น
ซึ่งต่อมาผู้มาทำสัญญาซื้อขายก็ขอนัดให้ชำระค่าซื้อขายเป็นงวดๆ โดยงวดที่ 1 (2 ต.ค.63) ต้องชำระ 130,000 บาท งวดที่ 2 (2 พ.ย.63) ชำระ 130,000 บาท งวดที่ 3 (2 ธ.ค.63) 120,000 บาท และงวดที่ 4 (14 ธ.ค.63) งวดสุดท้าย จำนวน 400,000 บาท โดยระหว่างนั้นช่วงกลางเดือน พ.ย.63 “นายธนา” (ลูกของตายาย) ได้บอกว่าจะไปหาเงินมาจ่ายค่าที่ดินและใช้หนี้ ผ่านไปกว่า 5 เดือน ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ โดยเงินส่วนต่างที่ทาง กยศ. หักที่กู้ยืมและดอกเบี้ยไป จำนวนกว่า 1 แสนเศษ ต้องคืนให้ครอบครัวของ (ตายาย) แต่เนื่องจากติดต่อ “นายธนา” ลูกชายไม่ได้ จึงไม่สามารถขอรับเงินส่วนต่างที่เหลือได้ ปัจจุบันผู้ที่ซื้อที่ดินต่อจากสำนักงานบังคับคดีได้นำป้ายมาติดประกาศขายที่ดินต่อ จำนวน 16 ไร่ 89.9 ตารางวา (รอบหมู่บ้าน) และโทรหาเร่งรัดขอเงินงวดเเรกให้รีบจ่าย และหากไม่มีเงินจ่ายก็ขอให้ย้ายออกนอกพื้นที่ จนเป็นที่มาขอการตามหาลูกชายที่หายไป (โดยตายายมีลูกทั้งหมด 10 คน “นายธนา” เป็นลูกคนสุดท้อง) เพราะหากย้ายออกครอบครัวที่อยู่ร่วมกันในพื้นที่ดังกล่าวมีผู้อาศัยรวมกันกว่า 5 ครอบครัว จำนวน 18 คน
“นางทองคำ นุ่มวงษ์” อายุ 84 ปี (แม่ของนายธนา) เล่าว่า “ตนเองไม่รู้เลยว่าลูกชายหายไปไหน บอกเพียงก่อนไปว่าจะไปทำงานหาเงินมาใช้หนี้เพื่อซื้อที่ดินคืนให้ครอบครัว ซึ่งก็ผ่านไปกว่า 5 เดือนแล้ว ก็ติดต่อไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ซึ่งตนเองก็พยายามถามว่าใช้หนี้ กยศ.ที่กู้เรียนแล้วหรือยัง ก็ได้รับคำตอบว่า “แม่ไม่ต้องยุ่งหรอก พิการแบบนี้จะมีปัญญาเอาเงินไหนมาใช้หนี้เค้า” จนสุดท้ายรู้อีกทีก็จะโดนยืดที่ดินสะแล้ว ซึ่งตนเองและสามีก็มีอาการหูหนวก (ไม่ค่อยได้ยิน) แถมยังเป็นคนพิการเดินก็ไม่ไหว ที่มาร้องนักข่าวครั้งนี้ก็อยากให้ช่วยตามหาลูกชายให้กลับบ้านมาช่วยกันแก้ปัญหา อย่างน้อยก็มาเซ็นต์รับเงินส่วนต่างที่เหลือเอาไว้ใช้หนี้ซื้อที่ดินคืน หากโดนไล่ที่ตนยืนยันว่าจะไม่ไปไหน ขอนอนตายที่นี่ วอนเจ้าของที่ที่ซื้อทอดตลาดไปเห็นใจขอประณีประนอมลดราคาให้ตนเองบ้าง ซึ่งถ้ารู้ก่อนหน้านี้ที่ กยศ. จะยืดที่ดิน ก็จะขอนำเงินคนพิการและเบี้ยคนชราผ่อนชำระเอง ซึ่งเอกสารทวงหนี้นั้นลูกชายตนเองได้เอาไปซ้อนไว้ในห้องโดยตนเองไม่รู้มาก่อน ยอมรับว่าทุกวันนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ
นายมารุต เต่าทอง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/1 ม.1 ต.วังไทร อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร (หลานขายของตายาย) เล่าว่า “ตนเองพยายามตามหา น้าชาย “นายธนา” จนสุดความสามารถ ทั้งโพสเฟชบุ๊ค และตามหาจากเพื่อนๆ พร้อมขอคำแนะนำต่างๆจากผู้รู้ ก็ไม่สามารถตามหาจนพบได้ ซึ่งหากถูกไล่ที่ ตนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องย้ายออก โดยเงินส่วนต่างที่กรมบังคับคดีให้คืนกับ กยศ. และต้องคืนให้กับนายธนาส่วนหนึ่ง หากเจ้าตัวไม่มาเช็นต์รับก็ไม่สามารถนำออกมาได้ ซึ่งอยากวอนขอให้คนที่ซื้อที่ดินไปนั้นช่วยลดราคาและยืดเวลาหาเงินให้ครอบครัวตนเองหน่อย เพราะมันกระทันหันและหาเงินไม่ทัน
“นางคณิต ขุนพิลึก” อายุ 50 ปี (ลูกสาวคนที่ 7) อยู่บ้านเลขที่ 74/1 ม.6 ต.วังไทร อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เล่าว่า “ตนเองสงสารพ่อกับแม่เป็นอย่างมาก อายุก็เยอะแล้ว หากจะย้ายไปที่อื่นก็คงลำบาก ตนเองก็หาเช้ากินค่ำ หากต้องย้ายออกไปด้วยจากการโดนไล่ที่ก็คงลำบาก อยากให้น้องชายคนเล็กกลับมาดูพ่อแม่บ้าง มาช่วยกันแก้ไขปัญหา อย่างทิ้งไปแบบนี้เลย


นายวิทยา จตุรภาค ผู้สื่อข่าวจังหวัดกำแพงเพชร

 

ร้องทุกข์ ร้องเรียน