พรรคร่วมฝ่ายค้านร้อง ป.ป.ช. เอาผิดนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี กรณีขายยางพาราหมดสต็อกในโครงการรัฐ 1.04 แสนตันในราคาถูก ประเทศ-เกษตรกรเสียหาย
วันนี้ 4 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อร้องเรียนให้ไต่สวน ดำเนินคดีต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธาน กนย. ร่วมกันให้เกิดมติ ครม. วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ได้ขายยางในโครงการรัฐจำนวน 1.04 แสนตันหมดสต๊อกคราวเดียวในราคาถูกมาก ทุบราคาในตลาดอย่างมหาศาล ส่งผลให้ราคายางตกต่ำไร้เสถียร เกษตรกรได้รับความเสียหาย และรัฐสูญเสียงบประมาณที่ต้องจ่ายชดเชยเงินกู้จำนวนมากกว่า 6 พันล้านบาทเศษ
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนั้นเป็นการทุจริตเชิงนโยบายและทำเป็นขบวนการ คือการขายยางโละสต๊อกจำนวนกว่า 104,000 ตัน ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลางของตลาด ซึ่งขณะนั้นราคากลางของตลาดประมาณ 68 บาท แต่ขายในราคา 37.27 บาท โดยใช้มติ ครม. ที่ออกโดยฝ่าฝืนกฎหมายต่างๆหลายฉบับ ซึ่งมติ ครม. ไม่ใช่กฎหมาย จึงไม่อาจนำมติ ครม. มาใช้บังคับให้ขัดกับกฎหมายได้ ตามที่ศาลฎีกาและศาลปกครองสูงสุดได้วางแนวคำวินิจฉัยเป็นที่ยุติไว้ มติ ครม. วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ส่งผลให้เกิดการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ได้แก่ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือฮั้วประมูล ที่ส่งผลให้หลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม กีดกัน เอารัดเอาเปรียบผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับการซื้อ การจำหน่วยสินทรัพย์อันมิใช่เป็นไปทางการประกอบธุรกิจในการจัดซื้อจัดจ้างปกติและโดยทุจริต , พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และ ข้อบังคับ กยท.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับการพาณิชย์ พ.ศ. 2561 ที่ฝ่าฝืนกำหนดให้การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงานของรัฐ และต้องสอดคล้องกับหลักการ (1) คุ้มค่า (2)โปร่งใส (3) มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล (4) ตรวจสอบได้ รวมทั้งไม่นำ พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ศ. 2542 มาปฏิบัติซึ่งกำหนดความเหมาะสมในด้านการผลิต การค้า การส่งออก การคัดและจัดชั้นยาง การควบคุมมาตรฐานยาง การรักษาเสถียรภาพของราคายางธรรมชาติซึ่งได้กำหนดมาตรการควบคุมและการอนุญาตไว้ทุกขั้นตอน นอกจากนั้น ก็มิได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ที่ กยท. ต้องดำเนินการให้ระดับราคายางพารามีเสถียรภาพ คำนึงถึงประโยชน์ของรัฐและประชาชน และมิได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ที่การดำเนินการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณแผ่นดินที่ต้องจัดหางบประมาณแผ่นดินมาชดเชยความเสียหาย ต้องเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติก่อนแต่ไม่มีการขออนุมัติ และยังได้เอื้อประโยชน์ให้ตนเอง พวกพ้องและเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่องบประมาณของประเทศ ประชาชนและเกษตรกรชาวสวนยาง
ทีมโฆษกพรรคประชาชาติ