นายอำเภอลับแล อุตรดิตถ์นำสื่อมวลชนไปชมพุทธอุทยานม่อนธาตุลับแล ที่พักสงฆ์ ซึ่งมีพระเจดีย์มหาลาภ เป็นเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
นายปรัชญา เสริฐลือชา นายอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ นำสื่อมวลชนไปชมพุทธอุทยานม่อนธาตุลับแล ที่พักสงฆ์ ซึ่งมีพระเจดีย์มหาลาภ เป็นเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สำหรับพุทธอุทยานม่อนธาตุ ลับแล ที่พักสงฆ์ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 177 หมู่ 4 ตำบลชัยจุมพล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
โดยมีพระสมเกียรติ กตปุญโญ เป็นผู้ดูแลพุทธอุยานม่อนธาตุที่พักสงฆ์ พุทธอุทยานที่พักสงฆ์ม่อนธาตุ อยู่บนม่อน(ดอย หรือภูเขา) ที่ไม่สูงมากนัก ทางทิศตะวันตกของที่ว่าการอำเภอลับทางเข้าจะอยู่ติดกับสถานตำรวจภูธรอำเภอลับแล ขับรถตรงไปถึงทางแยกให้เลี้ยวขวาไปตามถนนม่อนธาตุ (คอยสังเกตป้ายบอกข้างทาง) ไปเรื่อย ๆ จนถึงประตูทางขึ้นไปยังวัดด้านบน ถนนลาดยางลาดชันเล็กน้อยความยาวประมาณ 1 กม. ก็ถึงแล้ว ความเป็นมา วัดม่อนธาตุแต่เดิมเมื่อ ปี พ.ศ. 84 หลังจากพระพุทธเจ้าได้ปรินิพพานไปแล้ว ได้มีสาวกองค์หนึ่ง นามว่าพระมหากัสสปะ ได้นำพระบรมสารีริกธาตุ มาถวายให้แก่เจ้าเมืองต่างๆ ในแคว้นสุวรรณภูมิ และเขตประเทศสยาม (ประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งขอมปกครองอยู่ในขณะนั้น) พระมหากัสสปะ ได้มอบพระบรมสารีริกธาตุ ให้เจ้าเมืองทางเหนือสุดได้แก่ 1.พระราชบิดาของพระเจ้าสีหะนะรัตติวงค์ พระองค์ได้นำพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ที่พระธาตุดอยตุง 2.เจ้าเมืองขอม ชื่อว่า ท้าวเกื้อ ที่เมืองมะกุระ (ปัจจุบันคือเมืองลับแล) บรรจุไว้ที่เจดีย์ม่อนต่างๆ 3.มอบให้แก่เจ้าเมืองที่อยู่นครพนม และสกลนคร บรรจุไว้ที่เจดีย์นครพนม ดังนั้นที่ดอยตุง ม่อนธาตุ และนครพนม สร้างพระธาตุแบบ นารายณ์เจงเวง (พระธาตุทรงล้านนาผสมศิลปะพม่า) บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเข้าไว้ ส่วนที่เหลือจากนั้นมอบให้แก่เจ้าเมืองสกลนคร เมื่อเจ้าเมืองทุกเมืองได้รับ พระบรมสารีริกธาตุ ไว้ในเวลาไร่เรี่ยกัน ณ ม่อนธาตุแห่งนี้ เป็นที่สักการะของกษัตริย์ เจ้าบ้านเจ้าเมือง ตลอดถึงประชาชนยิ่งนัก ถือว่าเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์มากในภาคเหนือ กาลเวลาล่วงผ่านไป จึงทำให้ม่อนธาตุถูกทำลายไปโดยสาเหตุต่างๆ คือ แพ้สงครามพระเจ้าติโลกนาถ (เจ้าเมืองทุ่งยั้ง) แพ้สงครามของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ แพ้สงครามให้แก่พม่า ในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช และพระยาพิชัยดาบหัก การแพ้สงครามแต่ละครั้ง ทำให้ม่อนธาตุถูกเผาทำลายเสียหายอย่างมากเนื่องเพราะเป็นของกษัตริย์ เมื่อศัตรูรบได้ชัยชนะ ก็พยายามทำลายทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด กอร์ปกับ เมืองหลวงของไทยในอดีตถูกโยกย้ายห่างไกลออกไปเรื่อยๆเริ่มจากตั้งแต่เชียงแสน หรือโยนกนคร ลงมาทางใต้ไปตั้งอยู่ทุ่งยั้ง กรุงศรีอยุธยา ลงไปที่กรุงธนบุรี และกรุงเทพฯ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เมื่อม่อนธาตุอยู่ไกลจากเมืองหลวงมากเท่าใด การทะนุบำรุงปฏิสังขรณ์หลังจากถูกพม่าทำลายเผาผลาญ จึงไม่มีอะไรหลงเหลือนอกจากตัวเจดีย์ผุผังต้นไม้ กิ่งไม้ขึ้นทับถมรุงรังไม่มีผู้ใดสนใจทำให้ลืมเลือนไปเป็นเวลาหลายปี เพียงปรากฏชื่อให้ทราบว่า ม่อนธาตุ เท่านั้น เหตุมหัศจรรย์ ณ ม่อนธาตุ แห่งนี้มีทุกๆปีจะปรากฏแสงสว่างคล้ายๆลูกแก้ว หรือดวงไฟ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าลอยขึ้นมาบนเขา ให้ประชาขนใกล้เคียงได้เห็นอยู่เป็นประจำอยู่เสมอ ปี พ.ศ. 2522 เดือน 3 ขึ้น 15 ค่ำ พระมหาทองปอน อัตถโกสโล เจ้าอาวาสนักพัฒนา วัดม่อนธาตุ อ.ลับแล จ. อุตรดิตถ์ ได้ริเริ่มบูรณะ ก่อสร้างปรับปรุงม่อนธาตุขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นการถวายต่อพระบรมศาสดาของศาสนาพุทธ คือ พระพุทธเจ้า พระเจดีย์มหาลาภ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ผู้คนน้อมรำลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่พระมหาทองปอนด์ ได้มรณภาพลง ม่อนธาตุก็ไม่มีผู้ใดมาสานต่อ จนกระทั้ง พระสมเกียรติ กตปุญโญ ซึ่งเป็นพระสายกัมมฐานได้มาดูแล สถานที่แห่งนี้และมีบรรดาญาติธรรมที่อยู่ทั้งไกลและใกล้ที่ศรัทธาได้มาร่วมบุญร่วมกุศลในการที่จะปรับปรุงพัฒนาม่อนธาตุให้เจริญจนถึงปัจจุบันนี้
ณัฐวัฒน์ ราชประสิทธิ์ ภาพ/ข่าวอุตรดิตถ์