ชาวบ้านโวย!!เมื่อมีข่าวว่าพระเถระชันผู้ใหญ่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนราชการบางหน่วยพยายามวิ่งเต้นที่จะเอาโครงการมายัดเยียดให้ทั้งที่ชาวบ้านไม่ยากได้
สุรินทร์-วันที่6มค65เวลา09.00น.ได้มีการประชุมของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน-ผู้ช่วยพร้อมด้วยเจ้าคณะตำบลและพระอธิการวัดโพธิ์ศรีธาตุ ตำบลธาตุอำเภอรัตนบุรีจังหวัดสุรินทร์กรณีที่มีข่าวการจะขอใช้พื้นที่ สปก.(ป่าแดง)ของหน่วยงานหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ จึงทำให้ประชาชนตำบลธาตุไม่สบายใจเพราะจากคำบอกเล่าว่าโครงการนั้นเป็นโครงการที่จะสร้างอาคารวัตถุประกอบกับโครงการดังกล่าวใช้พื้นที่จำนวนมาก ซึ่งขัดกับการตั้งใจของชาวบ้านว่าอยากให้พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ปลูกป่าทั้งหมดเพราะเป็นผืนป่าสุดท้ายที่เหลืออยู่และเพื่อเป็นธนาคารอาหารธรรมชาติประกอบกับป่าแห่งนี้อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน และอยากให้วิถีคนกับป่าคงอยู่ตลอดไป
-นายสุรเดช เหลาคำอายุ60ปีอยู่บ้านเลขที่84หมู่ที่2ตำบลธาตุกล่าว่าเดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นที่ป่าไม้ และป่าไม้ได้จัดเป็นป่าเสื่อมโทรมมอบให้ สปก.สุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ได้ขอใช้กับ สปก.ต่อมามหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ไม่ได้ดำเนินการไปตามวัตถุประสงค์ในการขอใช้จึงได้ส่งคืนสปก.สุรินทร์ อบต.ธาตุและกำนันผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนทั้งตำบลธาตุได้มีมติขอใช้ที่สปก.แห่งนี้เพื่อปลูกป่าชื่อโครงการว่าศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯที่ประชุมมอบหมายให้ อบต.ธาตุเป็นเจ้าของโครงการและได้ส่งเอกสารขอใช้กับ สปก.เมื่อวันที่21กค54 จากนั้นปลายปี64มีหน่วยงานสำนักพุทธจังหวัดสุรินทร์ สปก.สุรินทร์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ได้มายังพื้นที่แห่งนี้และได้ยืนยันจะเอาพื้นที่นี้ทำเป็พุทธสถานชาวบ้านจึงเกิดการสับสนจึงได้เกิดคำถามจำนวนมากตามมา
-เจ้าคณะตำบลธาตุ-ยางสว่างได้กล่าวว่าเรื่องนี้ทางคณะสงฆ์ยังไม่ทราบรายระเอียดที่เป็นเอกสารทราบได้จากการบอกเล่ามาเท่ากับที่ประชุมทราบฉะนั้นหากมีการดำเนินการดังกล่าวจริงก็คงจะต้องประชาชาคมชุมชนเสียก่อนคงไม่ง่ายที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจะนำโครงการใดเข้ามาในพื้นที่แล้วจะไม่บอกกล่าวหรือขอความเห็นชอบจากชุมชน
-นายบุญส่ง พานิชน์ผู้ใหญ่บ้านธาตุหมู่ที่2ตำบลธาตุกล่าวว่าเราขอยืนยันว่าเราต้องการโครงการศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯที่ อบต.ธาตุเสนอขอใช้พื้นที่จาก สปก.สุรินทร์ เพราะถือว่าเราได้ประชาคมครบถ้วนด้วยเหตุและผลและเพื่อประโยชน์ของชุมชนทั้งตำบลจึงไม่เห็นด้วยกับโครงการใหม่ที่จะนำมายัดเยียดให้
-นางกิตติยา ธัญญกิติชัย กำนันตำบลธาตุได้กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องระเอียดอ่อนและเป็นเรื่องสื่อถึงความรู้สึกจึงจำเป็นจะต้องมีการประชุมประชาคมทุกภาคส่วนเพื่อหาข้อสรุปจึงจะสามารถดำเนินการต่อได้ ขอควรระวังอย่าให้เกิดการแตกแยกในชุมชน หากมีข้อสรุปประการใดเราก็พร้อมจะเดินไปตามข้อสรุปนั้นเพราะเราคือผู้นำของประชาชน
ภาพข่าว-สุรเดช เหลาคำ