พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ซึ่งลงพื้นที่พบปะ ประชาชน ใน อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ซึ่งลงพื้นที่พบปะ ประชาชน ใน อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ซึ่งลงพื้นที่พบปะ ประชาชน ใน อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา

เพื่อช่วยผู้สมัคร สส.ใน เขต 7 และ เขต 8 ในการหาเสียง ได้เปิดเผยว่า ยังมีการกล่าวโจมตีจากพรรคการเมืองบางพรรค หรือผู้สมัครบางพรรคที่เป็นคู่แข่ง ในการกล่าวหาว่า พรรคประชาชาชาติ เป็นพรรคที่เป็นตัวแทนของคนมุสลิม ซึ่งเป็นเรื่องของการไม่พูดความจริงเป็นการป้ายสีทางการเมือง พรรคประชาชาติ มีนโยบายในเรื่องของ พหุวัฒนธรรม คือการส่งเสริมให้ประชาชนทุกศาสนาในพื้นที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข พรรคประชาชาติไม่เป็นศัตรูกับใครแต่เป็นศัตรูกับความ” อยุติธรรรม “เป็นศัตรูกับคนที่มารังแกประชาชน เราหวังที่จะให้ประชาชนในพื้นที่ มีความอยู่ดีกินดี ด้วย สโลแกน 5 อ. ไม่เอา 1 อ. คือ 1 คนต้องมีอาหารกิน คนต้องไม่ยากจน 2 คนต้องมีอาชีพ ต้องมีที่ทำกิน ถ้าทุกคนมีที่ดินทำกิน ย่อมมีอาชีพ มีรายได้ และมีความมั่นคงในครอบครัว อ. ที่ 3 คือ อนามัย “ประชาชาติ” จะต่อยอดบัตร 30 บาท รักษาทุกโรคให้ดีกว่าเดิม เช่น รักษาโรคไต เปลี่ยนไต ได้ อ.ที่ 4 คือ โอกาสทางการศึกษา และโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ อย่างเท่าเทียมของทุกคนทุกอาชีพ และ อ.ที่5 คือ” อัตลักษณ์ “ คือการเคารพในความแตกต่าง เคารพในความเชื่อทางศาสนา เคารพในอุดมการณ์ และ อ.ที่ต้องไม่มีเด็ดขาดคือ “อยุติธรรม” ซึ่งประชาชาติคือ ศัตรู กับความ อยุติธรรม ที่ต้อง ไม่ให้เกิดขึ้นกับประชาชน สำหรับในประเด็นของบัตรสวัสดิการ หรือ บัตรคนจน ประชาชนเห็นด้วยที่จะให้มีต่อไปเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เป็นคนจน แต่ต้องมีการปรับปรุงให้ครอบคลุมเฉพาะคนจนเท่านั้น
ในขณะที่ พล.ต.ท. พัฒนาวุฒิ อังคนาวิน อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของหัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้เปิด ถึงการเข้าร่วมกับพรรคประชาชาติว่า ตนเองเป็นตำรวจฝ่ายความมั่นคง ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มายาวนาน ยังไม่เห็นพรรคการเมืองไหน ที่มีนโยบายอย่างชัดเจนกับปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนติดตามบริบททางการเมืองของ อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ มานานนับ 10 ปี เห็นถึงความตั้งใจในการที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ตนจึงตัดสินใจมาร่วมต่อสู้กับพรรคประชาชาติ เพื่อที่จะใช้ความรู้ความเข้าใจแก้ปัญหาความมั่นคง และยืนยันกับฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ว่า พรรคประชาชาติ ไม่ใช่พรรคของคนมุสลิม และไม่ใช่พรรคที่ใกล้ชิดกับศัตรูของบ้านเมือง อย่างที่มีความหวาดระแวงจากหน่วยงานความมั่นคง

การเมือง