รองเลขาธิการ ศอ.บต. ตรวจเยี่ยมอู่ต่อเรือขุนสมุทรมารีนฯ เตรียมจัดทำความร่วมมือพร้อมผลักดันสาขาการต่อเรือให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในวิทยาลัย AATC สตูล
วันนี้ (อังคารที่ 21 มีนาคม 2566) นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมนายรอเฉด ใบกาเด็ม ผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีอันดามันอนาโตเลียน เข้าเยี่ยมชมกิจการต่อเรือของอู่ขุนสมุทร มารีน ชิปยาร์ด โดยบริษัท ลันตาครูซ จำกัด ตั้งอยู่ที่บ้านขุนสมุทร ตำบลเกาะกลาง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โดยมีนายธิติ ส่งตระกูล ประธานกรรมการบริษัท ลันตาครูซ จำกัด ให้การต้อนรับและบรรยายให้ข้อมูล พร้อมนำเยี่ยมชมเกี่ยวกับการซ่อมทำเรือของอู่ขุนสมุทร มารีน ชิปยาร์ด
อู่เรือขุนสมุทร มารีน ชิปยาร์ด ให้บริการต่อเรือ ซ่อมเรือทุกประเภท ก่อตั้งภายใต้นิติบุคคล บริษัท ลันตาครูซ จำกัด มานานกว่า 15 ปี เพื่อรองรับ งานต่อเรือซ่อมเรือของบริษัทในเครือต่อมาในปี 2562 ได้เปิดให้บริการอู่เรือในเชิงพานิชย์ ด้วยพื้นที่อู่ ประมาณ 50,000 ตรม. จากประสบการณ์ของผู้บริหาร ก่อนจะมาเป็นอู่เรือขุนสมุทร ได้ต่อเรือและเดินเรือมาไม่น้อยกว่า 50 ปี โดยในปี พ.ศ. 2564 ได้จดทะเบียนชื่อการค้าและเครื่องหมายการค้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาในชื่ออู่ต่อเรือขุนสมุทร มารีน ชิปยาร์ด รวมถึงได้รับอนุญาต ร.ง. 4 ตามกฎหมาย บริษัท ลันตาครูซ ในนามอู่ขุนสมุทรจึงได้เปิดให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไป ในด้านการต่อเรือซ่อมเรือรวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์เดินเรือและการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องยนต์สำหรับเรือทุกประเภท อู่ขุนสมุทร เป็นอู่เรือแห่งเดียวในกระบี่ที่ Marine Airbags สามารถรับเรือขนาดน้ำหนักถึง 3,500 ตัน
สำหรับการเยี่ยมชมในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการจัดตั้งวิทยาลัยเทคโนโลยีอันดามันอนาโตเลียน (Andaman Anatolian Technology College : AATC) โดยวิทยาลัย AATC จะมีการเปิดสอนในระดับ ปวช. และ ปวส. ในหลากหลายสาขา หนึ่งในนั้นจะให้ความสำคัญในสาขาเทคโนโลยีการต่อเรือ โดยในอนาคตจะผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลทูร์เคีย เนื่องจากปัจจุบันนี้มีภาคเอกชนจากประเทศทูร์เคียมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจด้านการต่อเรือ ในระยะแรกทางภาคเอกชนดังกล่าวพร้อมที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อเรือมาช่วยในการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนให้กับวิทยาลัย AATC เพื่อให้มีหลักสูตรการเรียนการสอน โดยเน้นการสร้างแรงงานที่มีทักษะสูง ที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนของทั้งสองประเทศ
รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า “หนึ่งในสาขาที่สำคัญในวิทยาลัย AATC ที่จะจัดตั้งขึ้นในจังหวัดสตูลคือหลักสูตรการต่อเรือ และการให้บริการทั้งระบบ เนื่องจากปัจจุบันนี้มีภาคเอกชนจากประเทศทูร์เคียพร้อมที่จะมาจัดตั้งบริษัทการต่อเรือในพื้นที่โดยเฉพาะการต่อเรือยอร์ช เป็นต้น จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะต้องเร่งสร้างแรงงานเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงานต่อไป สำหรับวิทยาลัย AATC จะมีพาร์ทเนอร์การเรียนการสอนในอนาคต ได้แก่ มหาวิทยาลัยสตูล ที่จะเร่งจัดตั้งในพื้นที่ อู่ต่อเรือแห่งนี้ที่จะเป็นสถานที่ฝึกการเรียนการสอน และสถาบันการศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อเรือจากประเทศทูร์เคีย โดยในระยะต่อไปจะมีการเข้าพบทูตประเทศทูร์เคียเพื่อหารือในเรื่องความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลทูร์เคียในลักษณะ G2G และมีแผนจะเดินทางไปศึกษาดูงานต่อในประเทศทูร์เคียเพื่อนำองค์ความรู้กลับมาเตรียมการจัดการเรียนการสอนในวิทยาลัย AATC โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ต่อไป
