ไมตรี จงไกรจักร ให้สัมภาษณ์กับ แผ่นดินไทยโพสต์ หลังเกาะติด พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ ผิดหวังและน่าหดหู่ใจ เหล่า สส. หลายท่าน อภิปรายตอกย้ำมายาคติทางสังคม ยัดเยียดให้เขาเป็นอื่น ลามไปถึงแบ่งแยกอำนาจปกครอง
ศูนย์ข่าวภาคใต้ (นสพ.แผ่นดินไทยโพสต์) ได้รับรายงานเข้ามาว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 นายไมตรี จงไกรจักร ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท ได้ให้สัมภาษณ์กับ บรรณาธิการข่าว นสพ.แผ่นดินไทยโพสต์ ภายหลังเกาะติดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา “ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ.…”
นายไมตรี จงไกรจักร กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติไม่รับรองมาตรา 27 โดยให้เหตุผลว่า ไม่เห็นด้วยกับหลักการพื้นที่คุ้มครองชาติพันธุ์ตามที่กรรมาธิการเสียงข้างมากเสนอ แต่เห็นด้วยกับความเห็นของกรรมาธิการเสียงข้างน้อยจากพรรครัฐบาล ซึ่งเน้นเรื่องต้องไม่กระทบต่อกฎหมายอื่น ส่งผลให้เนื้อหาที่เป็นหัวใจสำคัญที่ได้ผ่านคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากมาแล้ว และสอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาของชุมชนชาติพันธุ์ โดยเฉพาะการจะเป็นเครื่องมือดังโซ่ข้อกลางระหว่างประชาชนกับรัฐเรื่องการแก้ปัญหา “สิทธิในที่อยู่อาศัย ที่ดิน ทำกิน การคุ้มครองส่งเสริมวิถีวัฒนธรรมในระบบนิเวศของชุมชนท้องถิ่น และการป้องกันผลกระทบจากการถูกละเมิดสิทธิจากกฎหมายด้านทรัพยากรธรรมชาติของรัฐอย่างที่ผ่านมา” เป็นอันต้องตกไป
ซ้ำก่อนหน้านี้คำนิยาม “ชนเผ่าพื้นเมือง” ที่จะเป็นการสร้างการยอมรับในตัวตนที่เชื่อมโยงกับหลักสากลขององค์การสหประชาชาติก็ได้ถูกตีตกไปก่อนหน้า จึงทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ แทบจะไม่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญและสร้างศักยภาพในฐานะทุนทางสังคม วัฒนธรรมได้แบบที่เราต้องการเห็น กลายเป็นร่างกฎหมายที่เหมือนมีเรือนร่างแต่ไร้ซึ่งหัวใจและความรู้สึก
“แต่ที่น่าผิดหวังและน่าหดหู่ใจมากกว่าการถูกคว่ำเนื้อหาสำคัญของกฎหมาย คือ การได้เห็นเหล่า สส. หลายท่านอภิปรายตอกย้ำมายาคติทางสังคมที่มีมาอย่างยาวนาน หลายท่านพยายามยัดเยียดให้เขาเป็นอื่น ตอกย้ำอคติต่อเพื่อนร่วมสังคม ใส่ร้ายป้ายสีอย่างเหมารวมด้วยข้อหาเดิม ๆ ทั้งการทำลายป่า ไร่เลื่อนลอย เป็นตัวการของปัญหาสิ่งแวดล้อม พาดพิงชุมชนชาติพันธุ์ที่รักษาดูแลป่า และยังร้ายแรงจนลามไปถึงเรื่องของการแบ่งแยกอำนาจปกครอง การจะตั้งอำนาจตุลาการเองบ้าง จะตั้งเขตปกครองตัวเองบ้าง เลยเถิดไปถึงรัฐอิสระ และยังบิดเบือนไปถึงการติดป้ายให้เราอยากเป็นอภิสิทธิ์ชน ซึ่งทุกคนคงได้ยินได้เห็นกันทั้งประเทศ”
กฎหมายฉบับนี้ คือหนึ่งในไม่กี่ฉบับของประเทศที่ประชาชน พรรคการเมือง องค์กรเครือข่ายหลายภาคส่วนพยายามร่วมกันผลักดัน เป็นประวัติศาสตร์สำคัญและหมุดหมายสำคัญของสังคมไทย ให้การเมืองภาคประชาชนเติบโตไปอีกขั้นนึง อย่างมีพลัง
“สักวันจำไว้ให้มั่นว่า สส. ที่ไม่เข้าใจ ไม่เห็นหัวประชาชน ไม่ปกป้องประชาชน ไม่มุ่งมั่นแก้ปัญหา และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน สักแต่เพียงจะกดขี่ไว้ให้ยากจน เพื่อจะแจกให้เป็นบุญคุณ และจะทำให้แตกแยกเพื่อปกครอง แล้วจะสำนึกไม่ทันว่า ประขาชนเขาเท่าทันเกมคุณเสียแล้ว หัวโขนคุณแค่ชั่วคราว โดยเฉพาะคนที่กล่าวหาใส่ร้ายประชาชนของคุณ ใครพูดอะไรไว้จงรอรับผลของมันด้วยตัวเองอีกไม่นาน”
ผอ.ศูนย์ข่าวภาคใต้ นสพ.แผ่นดินไทยโพสต์