กาญจนบุรี ‘สนธิรัตน์’ อดีต รมว.พลังงาน ร่วมออกแบบการพัฒนาเมืองกาญจน์บ้านเกิด เสนอแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานวัฒนธรรม ผสมผสานการท่องเที่ยว (Cultural Economics + Tourism) ชู ‘โรงงานกระดาษ’ เป็นพิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรมแห่งแรกของประเทศไทย
วันนี้ 15 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว ภายหลังจากร่วมไลฟ์ในรายการ ‘โลกเปลี่ยนสี ตอน ลุยเมืองกาญจน์ฯ!’ พร้อมเสนอ 3 เส้นทางสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ บนฐานวัฒนธรรม ผสมผสานการท่องเที่ยว (Cultural Economics + Tourism) คือ 1.หยิบยกรากเหง้าทางด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ยังถูกใช้อย่างจำกัด มาพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับท้องถิ่น 2.ส่งเสริมให้เกิดการสร้างความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างความรู้สึกการเป็นเจ้าของการพัฒนาพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ร่วมกัน และ 3.คิดบนกรอบสากลเพื่อสร้างแรงตระหนักรู้ถึงความสำคัญของพื้นที่และเชื่อมโยงท้องถิ่นกับโลกภายนอกผ่านการพัฒนาพิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรมแห่งแรกของประเทศไทย
โดยระบุว่า “ขออนุญาตเล่าให้ทุกท่านฟังถึงแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานวัฒนธรรม ผสมผสานการท่องเที่ยว (Cultural Economics + Tourism) ครับ แนวคิดนี้ผมได้นำเสนอในรายการโลกเปลี่ยนสีกับคุณสุทธิชัย หยุ่น ร่วมกับคุณวิกรม กรมดิษฐ์ และคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่เรามาคุยกันเรื่องเมืองกาญจน์ ซึ่งพวกเราต่างก็เป็นคนเมืองกาญจน์ด้วยกัน การคุยครั้งนี่ก็เพื่อร่วมกันแชร์ความคิดออกแบบการพัฒนาเมืองกาญจน์บ้านเกิดของเรากันครับ
เราเห็นพ้องต้องกันในหลายเรื่องครับ เกี่ยวกับจุดแข็งของจังหวัดกาญจนบุรีโดยเฉพาะประเด็นเรื่องประวัติศาสตร์ที่มีมายาวนานของจังหวัดแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นจุดขายที่สำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาภายในจังหวัด
โดยประเด็นหนึ่งที่ผมเล็งเห็นว่าสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้เพื่อเป็นจุดขายสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีคือตัวโรงกระดาษที่มีอายุ 80 กว่าปี ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นมากกว่าพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ครับ เพราะมันยังบอกเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านทางด้านอุตสาหกรรมในประเทศไทยอีกด้วย
ที่สำคัญโรงกระดาษแห่งนี้ยังนำพานวัตกรรมสมัยใหม่ทั้งด้านการเริ่มต้นอุตสาหกรรมและการบริหารจัดการสมัยใหม่มายังเมืองกาญจน์อีกด้วยครับ เช่น คลับเฮาส์ของโรงกระดาษแห่งนี้เป็นที่ตั้งของทีวีเครื่องแรกของจังหวัด มีระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลรูปแบบใหม่ให้พนักงาน สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนการเปลี่ยนผ่านสู่ความทันสมัยของประเทศไทยทั้งสิ้นครับ
ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณอาจารย์เนาวรัตน์ที่ชวนผมเข้ามาร่วมโครงการนี้ ซึ่งจุดแข็งมากมายของสถานที่แห่งนี้ทำให้ผมเล็งเห็นศักยภาพว่าเราควรต้องต่อยอดโครงการนี้ให้เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ จึงได้เชิญชวนใครหลายคนเข้ามาร่วมกันพัฒนาโครงการนี้เพื่อให้เป็นรูปแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
ผมตั้งใจอยากให้โครงการนี้เป็นแม่แบบสำคัญในการสร้างต้นแบบที่เน้น Cultural Economy บวกกับ Tourism (การพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานวัฒนธรรม ผสมผสานการท่องเที่ยว) และมันยังสามารถลงไปในประเด็นของศิลปวัฒนธรรมได้อีกด้วย โดยตั้งใจว่าจะให้โครงการนี้ขึ้นมานำเสนอและบริหารจัดการในระดับสากล
แต่สำคัญที่สุดเลยครับ โครงการนี้จะไม่ใช่โครงการเพื่อผลประโยชน์ของใคร ความตั้งใจของทุกคนคือต้องการเห็นโครงการนี้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม และเพื่อพิสูจน์ให้เห็นไปในตัวด้วยครับว่าวิสาหกิจเพื่อสังคมก็เติบใหญ่ แข็งแรง และมั่นคงได้
ด้วยประสบการณ์ในอดีตที่ผมเคยเป็น สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านสังคมและวัฒนธรรม ผมเล็งเห็นมาตลอดครับว่าประเทศไทยเรามีรากเหง้าที่ดีงามและน่าสนใจ แต่เรายังหยิบสิ่งเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ได้ไม่มากพอ ครั้งนี้จึงจะเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โดยการเอาวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม ศิลปะแบบดั้งเดิม บวกกับประวัติศาสตร์ บวกกับการนำเสนอในมิติใหม่ ซึ่งผมคาดว่าโครงการนี้อาจเป็นคล้ายๆ พิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรมครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมและใครหลายคนพยายามทำร่วมกัน เพื่อให้เป็นโครงการของทุกคนอย่างแท้จริง”
และว่า “บ้านเรายังมีการพัฒนารูปแบบของการท่องเที่ยวน้อย เราเน้นไปในทางโปรโมทเยอะ เน้นในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่เรามีอยู่เยอะ แต่เราขาดการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวให้กลายเป็นแหล่งที่มาทางเศรษฐกิจ ซึ่งผมคาดหวังการพัฒนาโรงงานกระดาษเป็นโมเดลที่สำคัญของประเทศ” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ขณะที่ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกวุฒิสภา ให้ความเห็นว่า “เราไม่ได้คิดเพียงแค่การเอาตัวอาคารที่อยู่กลางใจเมืองกลับมาเป็นของชาวกาญจน์เท่านั้น แต่ตัวอาคารเราอยากทำให้นอกจากแสดงความเก่าศักดิ์สิทธิ์แล้ว เราอยากทำภายในให้เล่าเรื่องของเมืองกาญจน์ผ่านงานศิลปะ”
ด้าน คุณวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร (CEO) บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน ให้ความเห็นว่า “ผมเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาเมืองกาญจน์แล้วก็ตกใจตั้ง 9 ล้านคนต่อปี ผมเลยคิดว่าเมืองกาญจน์ก็อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ เรากำลังโปรโมทเรื่องการท่องเที่ยว เราน่าจะต่อยอดเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศไทยในเชิงประวัติศาสตร์ได้”
และภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป ก็ได้รับความสนใจจากผู้ใช้เฟสบุ๊คเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างเข้ามาแสดงความคิดและแชร์โพสต์ดังกล่าวออกไปเป็นวงกว้าง โดยมองว่าจังหวัดกาญจนบุรีมีความโดดเด่น ‘เสมือนเป็นเพชรเม็ดงามดินแดนตะวันตก’ เลยทีเดียว และสมาชิกบางคนก็ได้แสดงความเห็นว่า “การที่จะนำมาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนย่อมเป็นผลดีกับชุมชน แต่ต้องอย่าให้การท่องเที่ยวไปทำลายวัฒนธรรมเก่าๆ จนไม่เหลือความเป็นรากเง้าของวัฒนธรรมนั้นๆ ต้องมีการศึกษาให้รอบด้านก่อนไม่เช่นนั้นอาจเป็นผลลบมากกว่าบวก ขณะเดียวกันชุมชนนั้นๆ ต้องเข้มแข็งพอที่นำสิ่งสมัยใหม่เข้าไปแล้วพวกเขาจะรู้เท่าทันสิ่งนั้นๆ”
///////////////////////////////////////////////////////////
ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี