กาญจนบุรี กรมอุทยาน แจ้งจับ 2 แม่ค้าโฆษณา ขายเนื้อกวาง -เก้ง ผล DNA มัดตัว ที่แท้เป็นหมูบ้านธรรมดา เจอทั้งคุก-ปรับ ฐานหลอกลวงการขาย และหลอกลวงผู้บริโภค

กาญจนบุรี กรมอุทยาน แจ้งจับ 2 แม่ค้าโฆษณา ขายเนื้อกวาง -เก้ง ผล DNA มัดตัว ที่แท้เป็นหมูบ้านธรรมดา เจอทั้งคุก-ปรับ ฐานหลอกลวงการขาย และหลอกลวงผู้บริโภค

กาญจนบุรี กรมอุทยาน แจ้งจับ 2 แม่ค้าโฆษณา ขายเนื้อกวาง -เก้ง ผล DNA มัดตัว ที่แท้เป็นหมูบ้านธรรมดา เจอทั้งคุก-ปรับ ฐานหลอกลวงการขาย และหลอกลวงผู้บริโภค

วันนี้ 14 ม.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 3(บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายธัญญาเนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ดำเนินการป้องกันและปราบปรามร้านค้าร้านอาหารที่กระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรทางด้านสัตว์ป่า รวมทั้งผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการหลอกลวงผู้บริโภคอย่างเคร่งครัด

โดยก่อนดำเนินการตามนโยบายขั้นเด็ดขาดนั้น เมื่อวันที่ 27 ต.ค.63 คณะเจ้าหน้าที่ได้ออกประชาสัมพันธ์และติดป้ายประกาศเตือนห้ามไม่ให้เหล่าบรรดาร้านค้าร้านอาหารต่างๆ รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้า ที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ตามตลาดสด ลักลอบนำซากเนื้อสัตว์ป่าคุ้มครองเข้ามาจำหน่าย หากถูกจับกุมจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและ คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รวมทั้งประชาสัมพันธ์ห้ามติดป้ายโฆษณาว่าเป็นเนื้อสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยเด็ดขาดเนื่องจากหากนำไปตรวจ DNA แล้วพบว่าเป็นประเภทเนื้อหมู หรือเนื้อสัตว์ชนิดที่ไม่ผิดกฎหมาย ก็จะถูกดำเนินคดีฐานหลอกลวงการขายตามปอ.มาตรา271 ระวางโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่น หลอกลวงผู้บริโภค มาตรา 47 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท ซึ่งร้านค้าที่มีอยู่ต่างก็เข้าใจกันเป็นอย่างดี โดยให้เวลาแก้ไขป้ายโฆษณาให้ถูกต้องเป็นเวลา 15 วัน

เมื่อครบกำหนด 15 วัน ในวันที่ 11 พ.ย.63 ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เอาจริงเอาจังกับผู้กระทำผิด ด้วยการกระจายกำลังออกตรวจตราร้านค้าและร้านอาหารรวมทั้งตลาดสด ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากตรวจสอบแล้วยังส่งสายเข้าทำการล่อซื้อเนื้อสัตว์ตามร้านต่างๆที่ยังมีการฝ่าฝืนติดป้ายโฆษณาอยู่

โดยในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่พบร้านอาหารชื่อร้านเสบียงไพร เลขที่ 239/5 หมู่3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยก จ.กาญจนบุรี ที่มีนางสุภวดี เข็มวิชัย อยู่บ้านเลขที่ 136 หมู่ 10 ต.ดอนแสอบ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เป็นเจ้าของ ยังมีการติดป้ายโฆษณาว่าจำหน่ายเนื้อสัตว์ ประเภท เก้ง กวาง และหมูป่า ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการล่อซื้อ เนื้อกวางสด หนัก 1 กิโลกรัม เป็นเงินจำนวน 290 บาท โดยมี น.ส.นิสา มงคล ลูกจ้างของร้านเป็นผู้ขายให้

หลังจากทำการล่อซื้อแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวให้ทางร้านได้รับทราบ จากนั้นจึงเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ก่อนที่จะส่งชิ้นเนื้อไปตรวจ DNA ที่ศูนย์นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า (กรมอุทยานฯ)

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าทำการล่อซื้อเนื้อเก้ง จากร้านของนางสาวพรนภัส กาญจนศรีกุล ที่อยู่ภายในตลาดสดเทศบาลเมืองกาญจนบุรี หนัก 1 กิโลกรัม เป็นเงินจำนวน 200 บาท

ซึ่งก่อนการล่อซื้อนั้นเจ้าของร้านแจ้งว่าเป็นเนื้อเก้ง แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวให้ทราบ เจ้าของร้านกลับแจ้งใหม่ว่าเป็นเนื้อหมู จึงเข้าข่ายฐานหลอกลวงผู้บริโภค ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อลงบันทึกระจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน แต่เพื่อความเป็นธรรม คณะเจ้าหน้าที่จึงนำชิ้นเนื้อที่ทำการล่อซื้อส่งไปพิสูจน์ DNA ที่ศูนย์นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า (กรมอุทยานฯ) ด้วยเช่นกัน

นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3(บ้านโป่ง) เปิดเผยว่าล่าสุด ดร.กณิตา อุ่ยถาวร ผู้อำนวยการศูนย์นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้รายงานผลการตรวจพิสูจน์ชนิดพันธุ์ของสัตว์ป่าของกลาง กลับมาที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)แล้ว ปรากฏว่าเนื้อสัตว์ที่ทำการล่อซื้อจากทั้ง 2 ร้านค้านั้น เป็นเนื้อหมูบ้านธรรมดา ไม่ใช่เนื้อ เก้ง หรือเนื้อ กวาง ตามที่โฆษณาแต่อย่างใด

ดังนั้นวันนี้ตนจึงนำเจ้าหน้าที่ เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค และพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของร้านที่กระทำผิดในข้อหา ฐานหลอกลวงการขาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครอง (บริโภค พ.ศ. 2522 และฉบับแก้ไข มาตรา 47 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากนี้ไปจะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค และ สภ.เมืองกาญจนบุรี ในการเรียกตัวผู้กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน ” นายนิพนธ์ เผย./
///////////////////////////////////


ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี

ข่าวอาชญากรรม