กาญจนบุรี สังขละบุรีกลับมาเหมือนเมื่อช่วงกว่า 30 ปี บรรยากาศการท่องเที่ยวเงียบเหงา ไร้เงานักท่องเที่ยว กลายเป็นเมืองร้างไปทันที หลัง ผู้ว่าฯประกาศสั่งปิดโรงแรม-รีสอร์ท ที่พักทั้งจังหวัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

กาญจนบุรี สังขละบุรีกลับมาเหมือนเมื่อช่วงกว่า 30 ปี บรรยากาศการท่องเที่ยวเงียบเหงา ไร้เงานักท่องเที่ยว กลายเป็นเมืองร้างไปทันที หลัง ผู้ว่าฯประกาศสั่งปิดโรงแรม-รีสอร์ท ที่พักทั้งจังหวัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

กาญจนบุรี สังขละบุรีกลับมาเหมือนเมื่อช่วงกว่า 30 ปี บรรยากาศการท่องเที่ยวเงียบเหงา ไร้เงานักท่องเที่ยว กลายเป็นเมืองร้างไปทันที หลัง ผู้ว่าฯประกาศสั่งปิดโรงแรม-รีสอร์ท ที่พักทั้งจังหวัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

วันนี้ 15 ม.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี ออกคำสั่งเรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ระลอกใหม่ ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีคำสั่งให้ ปิดโรงแรม และรีสอร์ท รวมถึงสถานที่ที่มีลักษณะคล้ายกัน ยกเว้น โรงแรม และรีสอร์ท ที่เปิดเป็นสำนักงานที่ช่วยเหลือผู้ถูกคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) หรือสถานที่พักเพื่อกักกันไว้สังเกตอาการ (Local Quarantine) หรือใช้เพื่อประโยชน์อื่นใดในทางราชการในการแก้ไขปัญหาตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)

โดยมีมาตรการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการที่มีผู้มาพักแรม หรือเช่าที่พักโดยต่อเนื่องระยะยาวให้ดำเนินการต่อไป ตามควรแก่การระงับการสูญเสียของกิจการ จนกว่าผู้เข้าพักจะแจ้งออกจากห้องพักจนหมด แล้วให้ปิดในทันที โดยไม่มีการรับผู้เข้าพักเพิ่มอีก
นอกจากนี้ เพื่อประโยชน์ในการตรวจคัดกรองโรค ให้โรงแรมที่ยังมีนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางเข้าพักอยู่ต้องแจ้งจำนวน และรายชื่อผู้เข้าพักให้อำเภอทราบ เพื่อตรวจคัดกรอง ผู้เข้าพักทุกคน โดยให้มีการปฏิบัติตามมาตรการและข้อปฏิบัติด้านสุขอนามัยในเรื่องการคัดกรองผู้ติดเชื้อ การล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย หรือหลักการของ Social Distancing ที่ชัดเจน

ทั้งนี้ หากผู้เข้าพักคนใด มีอาการเข้าข่ายที่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตอาการยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด (Local Quarantine)

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามคำสั่งนี้โดยไม่มีเหตุอันสมควรจะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

จากคำสั่งดังกล่าวส่งผลให้สถานการณ์การท่องเที่ยวของ จ.กาญจนบุรี เงียบเหงาลงไปถนัดตา โดยในส่วนของ อ.สังขละบุรี ซึ่งเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปเที่ยว พบว่า ที่บริเวณสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง รวมทั้งชุมชนบ้านวังกะ หมู่ 2 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่จะต้องมาเยี่ยมชมและเช็คอิน รวมทั้งสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวมอญในชุมชนแห่งนี้ ปรากฏว่า ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินเที่ยวชมบนสะพานฯ และร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตรยามเช้า รวมทั้งเลือกซื้อสินค้าที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพาน และนั่งรับประทานอาหารพื้นเมือง แม้แต่คนเดียว ขณะที่ร้านค้าส่วนหนึ่งก็ปิดตัวลงเป็นการชั่วคราว ทำให้บรรยากาศของเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยความเงียบสงัด

โดย น.ส.ประภาพรรณ แสนยาบุตร ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายสินค้าของฝาก บริเวณสะพานไม้ เปิดเผยว่า หลังจากเทศกาลส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่เป็นต้นมา นักท่องเที่ยวก็เริ่มลดลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้สั่งซื้อสินค้าจำนวนมากมาเก็บไว้เพื่อรอจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว แต่หลังจากที่มีประกาศคำสั่งของทางจังหวัดกาญจนบุรี ทำให้แทบไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่เลย บางวันไม่มีนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่คนเดียว บางวันก็มีนักท่องเที่ยว 2-3 คนเท่านั้น หรือบางวันมีมากหน่อย แต่ก็มีไม่ถึง 10 คน ซึ่งการที่ยังเปิดร้านอยู่ก็เพราะเผื่อจะมีลูกค้ามาอุดหนุนบ้าง และนำสินค้าบางส่วน เช่น ผ้าถุง โสร่ง ไปเดินเร่ขายในราคาถูก ตามหมู่บ้านและตลาดบ้าง เป็นการระบายสินค้า เพื่อให้มีรายได้เข้ามา

ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวก็ต้องประคับประคองกันไป อะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด พยายามไม่หาซื้อของที่ไม่จำเป็นในการดำรงชีวิต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคำสั่งดังกล่าวจะยืดเยื้อยาวนานไปแค่ไหน แต่รายจ่ายก็มีทุกวัน ดังนั้นก็ต้องนำเงินที่เก็บไว้ออกมาใช้จ่ายในช่วงเวลานี้ เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร และจะสามารถประคับประคองครอบครัวไปได้อีกนานแค่ไหน

อย่างไรก็จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐลงมาดูแลช่วยเหลือ จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งหาแนวทางให้ผู้ประกอบการสามารถทำกินเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปได้./
////////////////////////////////////


ทีมข่าวภาคตะวันตก / กาญจนบุรี

ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวทั่วไป สังคม