รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เน้นย้ำให้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนของประช่าชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2564 เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการสวมหมวกนิรภัย ใช้ในความเร็วบนท้องถนนและเมาไม่ขับ พร้อมติดตามสถานการณ์การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2564
วันนี้ 12 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมแควน้อย ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2564 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ เพื่อประชุมติดตามประเมินผลสถานการณ์การป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2564 รวมทั้งร่วมหารือแนวทางและการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้จำนวนผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ จำนวนอุบัติเหตุ มีสถิติให้เกิดน้อยที่สุด
สำหรับอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2564 ของจังหวัดกาญจนบุรี ในช่วงวันที่ 10 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 11 เมษายน 2564 นั้น มีการเกิดอุบัติเหตุ รวม 18 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด เมาสุรา และทัศนวิสัยไม่ดี ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง บนถนนกรมทางหลวง และถนนใน อบต./หมู่บ้าน ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือช่วงเวลา 16.01-20.00 น.
ทั้งนี้ ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบแนวทางการปฏิบัติงาน โดยเน้นย้ำให้ดำเนินการดังนี้
1.ร่วมกันรณรงค์ปลูกจิตสำนึกของประชาชนในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ทั้งการแนะนำให้ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร ป้ายเตือน คำแนะนำต่างๆในการใช้เส้นทาง การสวมหมวกนิรภัย การใช้ในความเร็วบนท้องถนน เมาไม่ขับ การใช้อุปกรณ์นิรภัยให้ถูกวิธี ให้ประชาชนทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
2.รณรงค์การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยให้คำแนะนำกับประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง เลี่ยงไปในสถานที่แออัด ล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดความเสี่ยงและลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัวโควิด-19
3.การเข้มงวดในการควบคุมและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย
โดยเฉพาะตามแนวชายแดนของจังหวัดกาญจนบุรี ให้มีการตรวจตราพร้อมการป้องกันตามแนวชายแดนทั้งช่องทางด่านชายแดนและช่องทางธรรมชาติ รวมทั้งการเคลื่อนย้ายตามเส้นทางในพื้นที่ชั้นใน ให้มีการเรียกตรวจหากพบเห็นว่ามีความปิดปกติ./
///////////////////////////////////////
ทีมข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์