กำแพงเพชร-สาววัย 30 ปี เขียนจดหมายสั่งลา สามีตนเอง จากนั้นก็หายออกจากบ้านพัก หวังกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย กู้ภัยฯเร่งช่วยค้นหาแต่ไม่พบ สุดท้ายไล่กล้องวงจรปิดดูพบว่าเตรียมกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย สุดท้ายกู้ภัยเจอก่อนช่วยไว้ทัน (คลิป)
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 อาสากู้ภัยสว่างกำแพงเพชร เขต อ.คลองขลุง ได้รับแจ้งมีบุคคลสูญหาย บริเวณบ้านเช่าของพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.3 ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ได้พบกับ “นายสุวรรณ ภูแดนกลาง” อายุ 36 ปี (สามีผู้สูญหาย) เล่าว่า “ภรรยาของตนเองชื่อ “นางจันทร์จิรา ภูแดนกลาง” อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 194 ม.10 ต.นาคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น” ได้หายออกจากห้องพักไปตั้งแต่ช่วงเวลาก่อน 20.00 น. ที่ผ่านมา โดยบอกกับตนเองว่าจะออกไปซื้อยา และก็หายออกไปเป็นเวลานาน กระทั้งตนเองเลิกงานกำลังจะกลับห้องพัก เมื่อเปิดประตูรถกระบะก็พบจดหมายเขียนขอโทษและบอกลา วางอยู่เบาะคนขับ (เขียนเป็นภาษาอีสานลงบนกระดาษ 2 แผ่น) โดยมีข้อความดังนี้
อ้าย บ๋อมขอโทษที่เฮดให้อ้ายเสียใจตลอดมา บ๋อมสร้างปัญญาบ่จบบ่สิ้น เรื่องมันเกิดจากบ๋อมมักโลภ เชื่อคนอื่นหลายกว่าคนในครอบครัว ตอนนี้บ๋อมเพิ่มปัญหามาให้อ้ายอีกแล้ว บ๋อมใช้เงินบริษัทของอ้ายที่เพิ่น โอนมาแต่ตอนแรก บ๋อมบ่รู้ว่าเงินมาจากใส เพราะบ่มีคนติดต่อมาแล้วช่วงนั้น บ๋อมต้องเอาเงินมาจ่ายค่าแชร์พี่นุ่ม เลยบ่ได้คิดว่าเงินคนอื่น จนใช้ของขะเจ้าจนหมด ตอนนี้บริษัทมาตามหาเงินในบัญชีน้าบ๋อม แต่เงินบ๋อมใช้หมดแล้ว บ๋อมหาทางออกบ่ได้แล้ว บ๋อมขอโทษที่ทำผิดอย่างใหญ่หลวง บ๋อมสำคนขี้รักคนหนึ่ง บ่แม่นเงินเจ้าของ ก็เอามาใช้แต่หนี้แชร์ จนเงินเพิ่นหมด บ๋อมต้องถูกจับแน่นอน อ้ายบ๋อมอยู่ ต่อไปบ่ได้แล้ว ความผิดบ๋อมครั้งนี้ใหญ่หลาย เงินตั้งหลายบ่มีปัญญาหามาคืนเพิ่นแท้เด้อ อ้ายเอาเงินประกันอุบัติเหตุบ๋อม มาคืนบริษัทแน่เด้อ บ๋อมเฮ็ดให้ทุกคนลำบากมาตลอด บ๋อมละอายใจคัก สู้หน้าไผบ่ได้แล้วล่ะ (บ๋อมฮักอ้ายกับลูกเด้อฝากอีพ่ออีแม่นำแน่) ถ้าบ๋อมรู้ว่าเงินบริษัทบ๋อมคงบ่ใช้ แต่นี่บ่มีคนติดต่อมา พึ่งติดต่อมา ถ้าบ๋อมบ่ไปเล่นแชร์ บ๋อมคงบ่จบชีวิตแบบนี้ ฝากขอโทษทุกคนฝากขอโทษอ้ายยุ้ยกลับอ้ายขวัญนำแน บ่ต้องตามหาบ๋อมดอกเด้อ คนชั่วคือบ๋อมบ่ต้องการโอกาสแล้ว (เอาเงินประกันชีวิตบ๋อมของกสิกรมาจ่ายคืนเพิ่นเด้ออ้าย บ่ต้องเสียใจดอกมีเมียซั่วๆ แบบนี้อ้ายหาคนที่ดีกว่าบ๋อมได้อีกอยู่ดอก) นอกจากนี้ยังมีเอกสารการโอนเงินเข้ามาในบัญชีของบริษัท กว่า 72,122 บาท ที่คาดว่านางจันทร์จิราจะใช้โอนค่าแชร์จากเจ้ามือวงแชร์ไปแล้ว
เมื่อเห็นจดหมายดังกล่าว “นายสุวรรณ ภูแดนกลาง” อายุ 36 ปี (สามีผู้สูญหายอยู่บ้านเลขที่เดียวกับภรรยา) ก็เลขแจ้งกู้ภัยฯในพื้นที่ให้ช่วยกันออกตามหาภรรยาตนเอง โดยกู้ภัยใช้เวลาค้นหาบริเวณใกล้เคียงที่คาดว่า “นางจันทร์จิรา” จะอยู่ ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงก็ไร้วี่แวว เพราะไม่รู่ว่านางจันทร์จิราเดินออกไปทางไหน อาสากู้ภัยฯ ได้สังเกตเห็นกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องพัก เลยแจ้งว่าลองประสานขอเปิดกล้องวงจรปิดของ “เทศบาลตำบลท่าพุทรา” เพื่อขอดูว่ามีเบาะแสหรือไม่ จึงได้ประสานไปยังผู้นำท้องถิ่น “นายเอกวิทย์ กาญจนะ” นายกเทศมนตรีตำบลท่าพุทรา” ก็ได้รับความร่วมมือในการเข้าไปดูกล้องวงจรปิดทันที
เมื่อเข้าไปดูกล้องวงจรปิดก็พบว่า เมื่อเวลา 19.55 น. วันดังกล่าว “นางจันทร์จิรา”ก็ได้เดินออกจากบ้านพักพร้อมหิ้วถุงสีขาวคล้ายพลาสติก (ข้างในไม่แน่ใจว่ามีอะไรอยู่) เดินเลี้ยงขวาไปทางถนนหน้าตลาดตำบลท่าพุทรา เดินผ่านหน้าโรงเรียนท่าพุทรา ผ่านชุมชน ผ่านตลาดสด และเลี้ยวเข้าไปบริเวณสนามกีฬาริมปิง ของเทศบาลตำบลท่าพุทรา หลังจากนั้นก็ได้เดินไปนั่งบริเวณริมรั่วของสนามกีฬาริมปิง (นั่งอยู่ประมาณ 15 นาที) จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินลงไปบริเวณท่าน้ำเขื่อนเรียงหิน จากนั้นได้โยนถุงที่ตนเองถือมาด้วยลงแม่น้ำไป (คาดว่าจะเป็นถุงใส่โทรศัพท์มือถือและยาที่ไปซื้อมา) จากนั้นก็เดินขึ้นไปทางทิศเหนือของท่าน้ำ และหายพร้อมเงามืด โดยเป็นจุดที่ระยะกล้องวงจรปิดมองไม่เห็นพอดี (จากบ้านพักที่เดินออกมาถึงจุดที่หายไปครั้งสุดท้ายประมาณ 1.5 ก.ม.)
ทีมอาสากู้ภัยและชาวบ้านในพื้นที่ได้เดินทางไปค้นหาจุดที่ “นางจันทร์จิรา”หายไปอีกครั้ง ก็พบว่า “นางจันทร์จิรา” ได้นอนหมดสติอยู่ริมตลิ่งในสภาพไม่รู้สึกตัว แต่ยังไม่ได้ลงน้ำ ซึ่งกู้ภัยได้จับชีพจรพบว่าเริ่มอ่อนลง จึงได้รีบช่วยกันนำขึ้นมาและส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
“นายสุวรรณ ภูแดนกลาง” อายุ 36 ปี (สามีผู้สูญหาย) เล่าว่า “ภรรยาของตนเองถูกโพสประจานและแท๊กหน้าเฟสบุ๊คเพื่อทวงเงินค่าแชร์มาเกือบสัปดาห์แล้ว ซึ่งตนเองไม่เคยดุหรือด่าแต่อย่างใด ได้แต่บอกกับภรรยาว่า “ปัญหามันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องแก้กันไป” ตนเองยังตกใจที่ภรรยาของตนคิดตัดช่องน้อยแต่พอตัวเพื่อหนีปัญหาแบบนี้ไม่ถูกต้อง ไหนจะลูกอีก 2 คนจะอยู่อย่างไร พ่อแม่พี่น้อง เครือญาติจะเสียใจแค่ไหน
ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลอย่างละเอียดถึงเรื่องการโพสเฟชบุ๊คทวงหนี้แชร์กับ “นางจันทร์จิรา” จากผู้ใช้เฟชบุ๊คชื่อ “Wanwisa Hongthong” พร้อมแท๊กไปยังเฟชบุ๊คของ”นางจันทร์จิรา”ชื่อว่า “อย่าว่า บ่งืด” มีข้อมความว่า “อย่าว่า บ่งืด อ่านแชทตอบแชทหน่อยจ้ารู้ทั้งรู้มีจ่ายมีส่งแต่กลับเงียบหายทำเฉยนึกถึงตอนที่มาเอาเงินไปหน่อย” จากนั้นก็มีผู้ใช้เฟชบุ๊คท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดย”Wanwisa Hongthong” ได้โพสรูปภาพของ “นางจันทร์จิรา” 2 รูป และมีข้อความทวงหนี้แชร์อีกว่า” ตามหาคนหายหน้าสวยนะค่ะ #แต่นิสัยแย่มากใครรู้จักหรืออยู่ใกล้ช่วยติดต่อให้หน่อยคร้า เผื่อจะมีจิตสำนึกความเป็นคนขึ้นมา มารับผิดชอบหนี้สินที่ติดค้างด้วยค่ะ จะตามจนกว่าจะติดต่อมา” โดย”นายสุวรรณ ภูแดนกลาง” อายุ 36 ปี (สามีผู้สูญหาย) เล่าว่า “นี่คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ภรรยาของตนเองเครียดหนักจนต้องเขียนจดหมายขอโทษและลาตายครั้งนี้ แต่ยังโชคดีที่ภรรยาของตนเองยังไม่กระโดดลงน้ำ ซึ่งเมื่อถือโรงพยาบาลแล้วแพทย์บอกว่าภรรยาตนเองกินยาคลายเคลียดเกินจำนวนพอดี ซึ่งก็อาจจะทำให้หมดสติก่อนกระโดนลงน้ำฆ่าตัวตาย
ต่อมา “นายสุวรรณ ภูแดนกลาง” อายุ 36 ปี (สามีผู้สูญหาย) ได้โพสเฟชบุ๊คของตนชื่อว่า “เล็ก ลำปาว” มีรูปภรรยากำลังหมดสติระหว่างกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาล มีข้อความว่า “คั่นเมียกูเป็นหยังพวกมึงที่โพสต์ประจานเมียกูสิเอาคืนให้เมิด”
นายวิทยา จตุรภาค ผู้สื่อข่าวจังหวัดกำแพงเพชร