รายงานพิเศษ เผยเส้นทาง”น้ำมันเถื่อน”และ”ส่วย”ที่”เสี่ยย.ยักษ์”ใช้ในการ เคลียร์เส้นทาง จาก สงขลา-สระบุรี

รายงานพิเศษ เผยเส้นทาง”น้ำมันเถื่อน”และ”ส่วย”ที่”เสี่ยย.ยักษ์”ใช้ในการ เคลียร์เส้นทาง จาก สงขลา-สระบุรี

รายงานพิเศษ
เผยเส้นทาง”น้ำมันเถื่อน”และ”ส่วย”ที่”เสี่ยย.ยักษ์”ใช้ในการ เคลียร์เส้นทาง จาก สงขลา-สระบุรี และ”ปาหี่”ในการจับรถ”บรรทุกน้ำมันเถื่อน 6 คันที่ผ่านมา


เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา และ ตำรวจปราบปรามน้ำมันเถื่อน ( ปนม.)ได้ทำการจับกุมรถ 10 ล้อ บรรทุกน้ำมัน ซึ่งติดป้ายทะเบียนเป็นรถบรรทุก”รับจ้าง” ( ป้ายเหลือง )ของ จ.สระบุรี ที่ตรวจพบว่าเป็น”ป้ายทะเบียนปลอม” ที่มี เลขทะเบียนที่เหมือนกัน ซึ่งเชื่อว่า รถบรรทุกน้ำมันทั้ง 6 คัน ที่ติดป้ายทะเบียนปลอม น่าจะเป็นของ”กลุ่มนายทุน” ผู้ค้าน้ำมันเถื่อนในภาคใต้
ส่วน วัตถุประสงค์ของการ”สวมทะเบียนปลอม” เพื่อให้เป็นรถที่”เหมือนกัน” น่าจะมีวัตถุประสงค์ในเรื่องของการ”เหยียบตีน” เจ้าหน้าที่ในการ”จ่ายส่วย” หรือ”เบี้ยใบ้รายทาง” ในการ”ผ่านด่านตรวจ” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะรถบรรทุกทั้ง 6 คัน มีการบรรทุกน้ำมันเถื่อนไปยัง จ.สระบุรี
และก่อนหน้านี้ไม่นาน รถบรรทุกที่ติดป้ายทะเบียน “สระบุรี” เคยถูกเจ้าหน้าที่”ศุลกากร” ภูมิภาคที่ 5 ทำการ”จับกุม” ในข้อหา”บรรทุกน้ำมันเถื่อน”ที่สี่แยกสวนผัก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช และ เคยถูกจับที่ สี่แยกรับแพรก อ.ระโนด จ.สงขลา โดยเจ้าหน้าที่ สรรพสามิต สงขลา
ไม่มีเหตุผลอื่นใด ที่ รถบรรทุกน้ำจาก จ.สระบุรี ซึ่งห่างไกลจาก จ.สงขลา ที่มี “คลังน้ำมัน” ตั้งอยู่ที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา กว่า 1,000 กิโลเมตร จะมี “บรรทุกน้ำมัน”ที่เสียภาษีถูกต้อง จาก คลังน้ำมัน จาก จ.สงขลา เพื่อไปยัง จ.สระบุรี ถ้าไม่ใช่เพื่อนำมาใช้เพื่อ”บรรทุกน้ำมันเถื่อน”
ซึ่งจากการติดตาม ตรวจสอบ พบข้อมูลที่”สอดคล้องกัน” คือ มี”นายทุนใหญ่ในวงการค้าน้ำมันเถื่อนในภาคใต้ ที่ชื่อว่า”เสี่ ย.ยักษ์” จาก อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ทำธุรกิจผิดกฎหมายด้วยการ “ค้าน้ำมันเถื่อน” โดยรับน้ำมันเถื่อนที่ลำเลียงทางทะเลอ่าวไทย มาขึ้นที่ อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี.อ.ท่าศาลา อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อส่งขายให้ลูกค้า ใน จ.สระบุรี และ พื้นที่ใกล้เคียง
แต่ หลังจากที่การค้าขนน้ำมันเถื่อนทางทะเลด้าน”อ่าวไทย” มีความ”ซบเซา”จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การ
”ระบาด”ของโควิด 19 เป็นต้นมา “เสี่ย ย.ยักษ์” จึงได้ย้ายฐาน การทำธุรกิจ”น้ำมันเถื่อน”มาที่ จ.สงขลา เพราะเป็น จังหวัดที่ มีการ”ขนน้ำมันเถื่อน” จาก”ชายแดนประเทศมาเลเซีย” เข้ามายังพื้นที่ จ.สงขลาได้ง่าย และมี”คลังน้ำมัน” ที่เป็นของ”ปตท. และของ”คลังร่วม” หมายถึง”เอสโซ่,คาลเท็กซ์,เชลล์” ตั้งอยู่ใน อ.สิงหนคร จ.สงขลา รวมทั้งใน”ชายทะเล” จังหวัดสงขลา เช่น “สิงหนคร.เทพา.และ จะนะ “ ก็เป็นจุดที่มีการขนถ่ายน้ำมันเถื่อน จาก”ทะเล” มายัง”บนบก” แม้จะไม่มากเหมือนในอดีต แต่ก็ยัง”มีอยู่”
“เสี่ย ย.ยักษ์” มีการ ตั้ง”คอก” เพื่อรับซื้อน้ำมันเถื่อน ที่ ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ ที่ อ.ควนเนียง และ ที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา โดยรับซื้อ “น้ำมันเถื่อน” ที่มาจาก”รถบรรทุกหัวลาก” ที่วิ่ง”บรรทุกสินค้าระหว่างประเทศ” มาเลเซีย-สิงคโปร์” รถเหล่านี้มีการ”ตีถัง” เป็นที่”ซุกซ่อน” น้ำมันในตัวรถ และใน”ถังวิ่ง” ก่อนที่จะ”ข้ามพรมแดน” กลับมา”ฝั่งไทย” ผ่านด่านพรมแดน ต.สำนักขาม จ.สงขลา ก็จะ “เติมน้ำมัน” จากประเทศ มาเลเซีย เต็มถัง และในถังที่ทำพิเศษ บางคันจุดได้ถึง 5,000 ลิตร และนำน้ำมันจาก ประเทศมาเลเซีย ที่มีการ”จำหน่าย” ลิตรละ 16 บาท ทั้ง “ดีเซล” และ”เบนซิน” ส่งให้กับ”คอกน้ำมันเถื่อน”ของ “เสี่ย ย.ยักษ์” โดย”รถ”หัวลาก” ระหว่างประเทศที่เป็น”ลูกคอก” ของ “เสี่ย ย.ยักษ์” มีอยู่ประมาณ 200 คัน


นอกจากนั้นยังมี”รถบรรทุกน้ำมันเถื่อน” ที่เป็น รถ”ปิกอัพ” ที่ทำเป็น”ตู้ทึบ” ภายในติดตั้ง”แท็งค์เกอร์” บรรทุกน้ำมันเถื่อน ตั้งแต่ 1,000-2,000 ลิตร โดยการ ข้ามพรมแดนด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เข้าไปรับน้ำมันจาก “แหล่งจำหน่าย” ใน” ฝั่งมาเลเซีย” เพื่อส่งให้กับ”คอกน้ำมันเถื่อน” ของ “เสี่ย ย ยักษ์” ซึ่งมีรถ”ปิกอัพ” ที่เป็น”ลูกคอก” ที่ส่งน้ำมันให้กับ “เสี่ย ย.ยักษ์”ประมาณ 100 คัน ด้วยกัน
และ นอกจาก”รับซื้อ” น้ำมันเถื่อน”จากประเทศมาเลเซียแล้ว “คอกเถื่อน” ของ”เสี่ย ย.ยักษ์” ยังรับซื้อ น้ำมันที่เป็นน้ำมันที่”ถูกต้อง” จาก รถบรรทุกน้ำมัน ที่มาจากคลัง”ปตท. และ “คลังร่วม” ใน อ.สิหนคร จ.สงขลา ซึ่งเรียกว่า”น้ำมันโจร” เพราะ”คนขับรถบรรทุกน้ำมัน” ทำการ”ขโมย” น้ำมันของ”ลูกค้า” มาขายให้กับ”คอกน้ำมันเถื่อน” นั่นเอง
เมื่อ รวมน้ำมันได้ใน “ปริมาณ” ที่มากพอ 6-7 คันรถบรรทุก 10 ล้อ หรือ รถบรรทุกพ่วงที่มีระวางบรรทุก 30,000 ลิตร/คัน ก็จะทำการ “ลำเลียง” น้ำมันเถื่อนจาก”คอกน้ำมัน” ในที่ต่างๆ เข้าสู่”จุดหมาย” ทั้งที่ “สระบุรี” และที่อื่นๆ ที่มี”ลูกค้า” รอรับอยู่
“เสี่ย ย.ยักษ์” เข้ามาตั้งฐานในการ เปิด”คอกเถื่อน” เพื่อรับซื้อ”น้ำมันเถื่อน” ตั้งแต่ 6-7 เดือนที่ผ่านมา และส่งน้ำมันเถื่อน จาก จ.สงขลา ไปยัง จ.สระบุรี และ พื้นที่อื่นๆ มาโดยตลอด คำถามแรกคือ” ธุรกิจเถื่อน” ของเสี่ย ย.ยักษ์” รอดหู หลงตา ตำรวจได้อย่างไร เพราะ ตำรวจ ในพื้นที่ จ.สงขลา ไม่เคยจับกุม ทั้งรถบรรทุก และ”คอกน้ำมันเถื่อน”ในพื้นที่ ที่ผ่านมา ที่มีการ”จับกุม” รถที่เป็น”ป้ายทะเบียนสระบุรี” ไม่ว่าจะเป็นที่ “สี่แยกสวนผัก” และที่อื่นๆ เป็นการจับกุมของ”ศุลกากร” และ”สรรพสามิต” ทั้งสิ้น
ขบวนการ”ค้าน้ำมันเถื่อน”ของ “เสี่ย ย.ยักษ์” ไม่ธรรมดา และที่สามารถ”ยืนหยัด” อยู่ได้ต้องมี”เส้นสาย” และต้อง”จ่ายส่วย” ให้กับ”ตำรวจ” ซึ่งคน”วงใน” ให้ข้อมูลว่า มีการ”เคลียร์เส้นทาง” จาก””ส่วนกลาง” เพื่อให้เปิด”ไฟเขียว” ให้ ขนน้ำมันเถื่อนโดยที่ “ตำรวจ” ไม่”แตะต้อง” ส่วนเรื่องของ”ศุลกากร”และ”สรรพสามิต” เป็นหน้าที่ของ”เสี่ย ย.ยักษ์” ที่ต้อง”เคลียร์เส้นทาง”เอง
แน่นอน ถ้า “ศุลกากร” ไม่มีส่วนในการ”รู้เห็นเป็นใจ” ให้รถบรรทุก”หัวลาก” และ รถปิ๊กอัพ” ที่ทำเป็น”ตู้ทึบ” “ติดตั้งแท็งค์เกอร์ ให้ ผ่านเข้า-ออก ประตูพรมแดน น้ำมันเถื่อน จาก”มาเลเซีย” น้ำมันเถื่อนก็จะไม่ถูกส่งไปใน”คอกเถื่อน” ของ”เสี่ย ย.ยักษ์” และถ้า “ตำรวจ” ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีการตั้ง”คอกน้ำมันเถื่อน” ทำการ”จับกุม” คอกเหล่านั้น “เสี่ย ย.ยักษ์” ก็ไม่สามารถที่จะ ขนน้ำมันเถื่อน ออกจาก จ.สงขลา ได้
ทั้งหมด จึงเป็นเรื่องของ”ผลประโยชน์” ที่ “ตำรวจ” ทั้งใน”ส่วนกลาง” ใน”ส่วนภูมิภาค” และ ตำรวจ ปนม. เข้าไปเกี่ยวข้อง มี “ศุลกากร” ที่ ด่านพรมแดน ทำหน้าที่”เอื้อประโยชน์” ให้กับ ขบวนการ “ค้าน้ำมันเถื่อน” ที่ต้องมีเรื่องของ”ส่วย” ที่จ่ายให้กับ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง”ส่วยน้ำมันเถื่อน” จึงเป็น”เชื้อชั่ว” ที่ไม่เคย”ตาย”จากหน่วยงานของรัฐ นั่นเอง


ส่วนการ”จับกุม” รถ10 ล้อบรรทุกน้ำมันที่”สวมทะเบียนปลอม” ทั้ง 6 คันใน ท้องที่ อ.ควนเนียง จ.สงขลา ซึ่งมีสถานที่จอดอยู่ไม่ไกลจาก”ป้อมยามจุดตรวจ” มากนัก จะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับ” ธุรกิจน้ำมันเถื่อน” ของ”เสี่ยย.ยักษ์” หรือไม่อย่างไร ย่อมเป็น”หน้าที่” ของ “ตำรวจ” ในการ “สอบสวน” ขยายผล หาข้อเท็จจริง เพื่อ”เอาผิด” และเพื่อสาวไปสู่ขบวนการ “ค้าน้ำมันเถื่อน” ในภาคใต้ อย่าง”จริงจัง”
ไม่ใช่จับเพียงแค่”สั่งสอน” ในกรณีการ”สวมป้ายทะเบียนปลอม” เพื่อการ”ตบตา” เจ้าหน้าที่ เพื่อให้”จ่ายส่วย” น้อยลง เพราะรถ 6 คัน เป็น”ทะเบียนที่”ซ้ำซ้อน”กันถึง 3 คัน ที่ทำให้”ตำรวจ” โกรธที่ถูก” “นายทุน” ผู้ค้าน้ำมันเถื่อน”เหยียบตีน” จึง จับกุม เพื่อให้”สำนึก” ว่าถ้าจะทำ”ธุรกิจเถื่อน” ต่อไปก็อย่างได้”เหยียบตีน” หรือ”ต้ม” หรือ”ตบตา” เพราะเรื่องอย่างนี้”ตำรวจไทย” ไม่ยอม”เสี่ยเหลี่ยม”ให้กับ ผู้ทำธุรกิจเถื่อนมาก่อน
เห็นข่าว “ทหารหมวกแดง” ทำการ “จับกุม” ผู้ค้าของเถื่อนที่อยู่ในแนวชายแดน อ.สะเดา จ.สงขลา ที่จับได้แต่ร้านค้าที่”ขายบุหรี่หนีภาษี” แต่ในส่วนของ “น้ำมันเถื่อน” ที่มาจาก” รถบรรทุกหัวลาก” ระหว่างปาระเทศ และรถ”ปิคอัพ” ที่ดัดแปลงติด”แท็งค์เกอร์” รวมทั้ง “คอกน้ำมันเถื่อน” ทั้งในพื้นที่ “ปาดังเบซาร์.ทุ่งหมอ ,บ้านพรุ,สิงหนคร และอื่นๆ และอีก”มากมาย” ใน จ.สงขลา ที่ไม่มีการ”จับกุม” โดยเฉพาะ รถบรรทุก 10 ล้อ และ รถบรรทุกพ่วง ที่เป็นของ”เสี่ย ย.ยักษ์” ทำไม่จึง”ลอยนวล” หรือใน”สีเขียว” ก็มีผู้ที่”รับส่วย” ของ”เสี่ยย.ยักษ์” รวมอยู่ด้วย
ทั้งหมดคือเบื้องหลังของ ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ที่เป็น”อาชญากรทางเศรษฐกิจ”ซึ่งมีผลประโยชน์อย่างมหาศาลที่”นายทุน” และ”เจ้าหน้าที่รัฐ” ร่วมมือกันในการทำลายประเทศ”เชื้อชั่วที่ไม่เคยตาย” และจะ”เติบโต” ยิ่งขึ้นจากความ”ล้มเหลว”ของการ”ปราบโกง”ของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายรัฐมนตรี


ไชยยงค์ มณีพิลึก

บทความ รายงานพิเศษ