นายกรัฐมนตรี,และพรรคการเมือง จะ”ปฏิเสธ” ความรับผิดชอบการ”ฆ่าหมู่” ที่ ศูนย์เด็กเล็กอุทัยสวรรค์ ไม่ได้

นายกรัฐมนตรี,และพรรคการเมือง จะ”ปฏิเสธ” ความรับผิดชอบการ”ฆ่าหมู่” ที่ ศูนย์เด็กเล็กอุทัยสวรรค์ ไม่ได้

นายกรัฐมนตรี,และพรรคการเมือง จะ”ปฏิเสธ” ความรับผิดชอบการ”ฆ่าหมู่” ที่ ศูนย์เด็กเล็กอุทัยสวรรค์ ไม่ได้ และหวังว่า หลังจากนี้การปราบปราม”ยาเสพติด” ต้องเป็น”วาระแห่งชาติ” ที่ คำสั่งของ”นายกรัฐมนตรี”ต้องมี”น้ำยา” และต้องไม่ใช่ปรากฎ”การของ”ไฟไหม้ฟาง”
“โศกนาฎกรรม”ที่เกิดขึ้นกับ”ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งมาจาก””ฆาตกร” ที่เป็น อดีต เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ ส.ต.อ.ใช้ ปืน และ มีด เป็นอาวุธ ทำการก่อเหตุ จนทำให้มี”เด็กฯ” ครู ชาวบ้าน ลูก และ เมีย รวมทั้งตัว”ฆาตกร”รวมจำนวน 37 ชีวิต ต้อง สูญเสีย”โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ ที่ทำให้คนทั้งประเทศ”ช็อก” เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นสำหรับประเทศไทย
“ต้นสายปลายเหตุ” มาจากอะไร ไม่อยากไป”ตอกย้ำ” หรือ”รื้อฟื้น” เพราะถึงอย่างไรก็ไม่อาจที่จะ”แก้ไข” ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้กลับมาอย่างเดิมอีกต่อไป ประเด็นที่ สังคมไทย ต้อง”หยิบยก” มา เป็นข้อ”พิจารณา” เพื่อการ”แก้ไข” อย่าให้ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในภายภาคหน้ามีเพียง 2 ประเด็นใหญ่ฯ
หนึ่ง คือเรื่อง “ยาเสพติด” และ สองคือเรื่อง”อาวุธปืน” ทั้ง 2 เรื่อง เกี่ยวพันกับ นโยบายของ”รัฐบาล” และของ”พรรคการเมือง” โดยเฉพาะ รัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น “นายกรัฐมนตรี” ที่ต้องยอมรับว่า ยุคที่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ นอกจากจะเป็นยุคแห่งการ”แพร่ระบาด” ของยาเสพติด อย่าง กว้างขวาง แบบไม่เคยมีมาก่อน ยังเป็นยุคที่”ยาเสพติด” ยาบ้า” มีราคาที่”ถูกที่สุด” ในโลก จาก เม็ดละ 300 บาท เหลือเพียง เม็ดละ 20 บาทเท่านั้น
และเป็นยุคที่ ประเทศไทย ไม่มีวันไหนที่ ตื่นขึ้นมาแล้ว จะไม่เห็นข่าวคน”คลั่งยาบ้า” ก่อคดี “มาตุฆาต,ปิตุฆาต” หรือ “ฆ่า” และทำร้าย พ่อแม่ ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา ของตนเอง รวมทั้งการ”อาละวาด” ทำลายข้าวของ”จุดไฟเผาบ้าน” และ การก่ออาชญากรรม อื่นๆ เช่น ลักทรัพย์ “ข่มขืน” ฯลฯ
ก็ รู้ ว่า “นายกรัฐมนตรี” ไม่ได้”นิ่งเฉย” เช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท. 1 ที่ไม่ได้”อยู่เฉย” มีการ”สั่งการ” ให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกับปัญหา”ยาเสพติด”มาโดยตลอด และมักจะ”ยกเคส” การที่ เจ้าหน้าที่จับกุม ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ๆ ครั้งละหลายล้านเม็ด มาเป็น”ผลงาน” ของ”รัฐบาล
แต่…โดยข้อเท็จจริง ที่ “พี่น้องสาม ป.” ไม่รู้ก็คือ การจับกุมที่”เป็นข่าว” เป็นเพียง 10 ใน 100 ราย ของ ขบวนการค้ายาเสพติดเท่านั้น แสดงว่ายาเสพติดอีก ที่ไม่ได้ถูก จับกุม จำนวน มหาศาล ถูกแพร่กระจายไปตั้งแต่ หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด เจ้าหน้าที่ระดับ”ปฏิบัติการ” ในพื้นที่ ไม่ได้”สนใจ” กับคำสั่งของ “สาม ป.” ที่ให้มีการ ปราบปราม ยาเสพติดให้”สิ้นซาก” แต่อย่างใด และในขณะเดียวกัน “สาม ป.” ก็ไม่ได้”ติดตาม” ถึง สถานการณ์การระบาดของ”ยาเสพติด” ว่าการปราบปรามได้ผล หรือ “ล้มเหลว” สถานการณ์ที่แท้จริง เป็นอย่างไร
ที่สำคัญ เหมือนกับที่ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี คนของ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมา เปิดเผย ว่า ปัญหาของยาเสพติดนั้น มาจาก เจ้าหน้าที่ เข้าไปมีผลประโยชน์ และ แสวงหาผลประโยชน์ จากการค้ายาเสพติด ซึ่ง เรื่องนี้เป็น”เรื่องจริง” เอาแค่ “ตำรวจ” ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีการตั้ง ฉก.ปราบยาเสพติด รู้ ,เห็น มีรายชื่อ ผู้ค้า รายใหญ่ รายเล็ก มี บัญชี อยู่ในมือ แต่ บัญชีนั้น ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ในการ “จับกุม” แต่ใช้ประโยชน์ในการ”เก็บส่วย” เพื่อ ส่งให้กับ”หน่วยงาน” และแต่ละ”หน่วยงาน” ก็ส่งให้กับ”ส่วนกลาง” และแต่ละ ฉก. ที่ทำหน้าที่ปราบปราม”ยาเสพติด” ไม่ว่าจะเป็น”หน่วยไหน” ก็จะมี”เซฟเฮ้าส์” เพื่อใช้ในการ”รีดเงิน” ของ ผู้ค้ารายใหญ่ เป็นที่”รับรู้”กันอย่างแพร่หลาย ยกเว้น”ส่วนกลาง” ที่ไม่เคย”รับรู้” ถึง สถานการณ์ความ”เลวร้าย” ของ ปัญหา”ยาเสพติด” ในประเทศไทย
จึงขอให้”ผู้หลัก ผู้ใหญ่” ใน”ส่วนกลาง” รับรู้ด้วยเถิดว่าเงินที่ ทุกหน่วย ในทุกพื้นที่ “ส่งส่วย” เป็น”รายเดือน” ให้พวกท่านนั้น ส่วนหนึ่ง มาจากผลประโยชน์ของการค้า”ยาเสพติด” โดยเฉพาะ”ส่วย” ที่ไปจาก”ภาคใต้” ซึ่งเป็น”ปลายทาง” ของ”ยาเสพติด” นั้น เป็น”ส่วย” ที่ “มหาศาล” ที่สุด และ แม้แต่ “กองทัพภาคที่ 4 “ ที่ แม่ทัพทุกแม่ทัพ” มี นโยบายในการ”ปราบปรามยาเสพติด” ก็”เอาไม่อยู่” เพราะไม่มี หน่วยงานไหน ที่”เอาจริง” กับ การ”จับกุม” ยาเสพติด ที่เป็น”หม้อข้าว” ของตนเอง
ที่ นักการเมือง ระดับชาติ ระดับจังหวัด ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และ นักธุรกิจ ที่มีชื่อเสียง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สามารถ”กระทบไหล่” กับ”ข้าราชการ”ระดับสูงจนถึง”รัฐมนตรี” ล้วนเป็นบุคคลที่มี”รายชื่อ” ของผู้ค้ายาเสพติด แต่ไม่เคยมี หน่วยงาน”เอาจริง” กับคนเหล่านั้น
ประเด็นเรื่องของ”อาวุธปืน” ที่ “กรมการปกครอง”ก็ไม่ได้”ใส่ใจ” ในรายละเอียด ปล่อยให้”นายอำเภอ” ซึ่งเป็น”นายทะเบียน” ออก”ใบอนุญาต” ให้มีการซื้อ”อาวุธปืน” อย่าง”เสรี” ใครมีเงินจ่าย ตั้งแต่ 10,000 บาท เพื่อเป็น”ส่วย” ก็สามารถที่จะซื้ออาวุธปืนได้ถูกต้องตามกฎหมาย
มีตัวอย่างมากมายที่”นายอำเภอ” เป็นผู้”หาประโยชน์” กับ”ใบอนุญาต” ในการมีอาวุธปืน และมีการออกใบ”อนุญาต” ให้กับ ผู้ค้ายาเสพติด เช่น อดีตนาบอำเภอ สิงหนคร จ.สงขลา ที่ อนุญาต ให้ผู้ค้ายาเสพติด ครอบครองปืน”สงคราม” โดยอ้างว่า”เป็น”สายข่าว” ของฝ่ายปกครอง และ อดีต นายอำเภอ สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่อนุญาตให้ นักค้ายาเสพติด”รายใหญ่” ใน อ.สุไหงโก-ลก ซื้อปืนได้ 28 กระบอก ซึ่งเป็นเรื่องที่”เหลือเชื่อ” และ ล่าสุด มีข่าว การตั้งคณะกรรมการสอบสวน “ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส” ในการ “ออกเอกสาร” อำนวยความสะดวกให้กับ”พ่อค้ายาเสพติด” รายใหญ่ในพื้นที่ ในการ ติดต่อราชการ
ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า “รัฐบาล” โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พี่น้อง”สาม ป.” ที่มี “บทบาท” กับประเด็นปัญหาของ”ยาเสพติด” ไม่ได้”สำเหนียก” ถึง “พิษภัย” ของ”ยาเสพติด” เพราะการ”สั่งการ” ก็เป็นการ”สั่ง”ตาม”หน้าที่” แต่ไม่ได้มี”วาระแห่งชาติ” กับเรื่องการ”ปราบปรามยาเสพติด” แต่อย่างใด
ที่แสดงให้เห็นว่า”รัฐบาล”ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ”พี่น้อง สาม ป.” ไม่ “สำเหนียก” ใน”พิษภัย” ของ”ยาเสพติด” ที่ ระบาดอย่างรุนแรง ในประเทศไทย โดยเฉพาะใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นโยบาย”กัญชาเสรี”ที่เป็นเรื่องของ”ยาเสพติด” ที่นำเสนอโดย “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่ง เป็น”นโยบาย” ที่ “ซ้ำเติม” สถานการณ์ของ”ยาเสพติด”ที่รุนแรงอยู่แล้ว ให้”รุนแรง” ยิ่งขึ้น
เพราะ”กัญชา” ก็เป็น”ยาเสพติด” ชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับ”พืชกระท่อม” ที่ถูกแม้จะมีการ”ปลอดล็อก” จากการเป็น”ยาเสพติด” แต่โดยข้อเท็จจริง” ที่ไม่ใช่ข้อ”กฎหมาย” ทั้ง “กัญชา” และ”กระท่อม” ก็ยังเป็น”พืชเสพติด” ที่ถ้าใช้อย่าง”เสรี” ไม่มี”กรอบ” ของ”กฎหมาย ย่อมเป็นปัญหากับ”สังคม” ทั้งสิ้น
การเมืองของประเทศนี้ กำลัง”หาเสียง” กำลังสร้างค่านิยม ให้คน”เสพยาเสพติด” และ ส่งเสริมให้คน”ขายยาเสพติด” เป็นอาชีพ เพื่อ ผลประโยชน์ของ”การเมือง” และในฐานะที่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะที่เป็น”นายกรัฐมนตรี” รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นพรรคแกนนำของ”รัฐบาล” เห็นดีเห็นงาม กับนโยบาย”กัญชาเสรี” ซึ่งเป็น”ยาเสพติด” ที่มี”พิษภัย” ไม่ต่างกับ”ยาเสพติด” ชนิดอื่น ถ้าใช้โดยไร้ความรับผิดชอบ และ ไร้”กฎหมาย” ในการ ควบคุม ก็ ย่อมสร้างความเสียหายให้กับ สังคม ได้ไม่ต่างจากยาเสพติดประเภทอื่นๆ
วันนี้ สังคมไทย ไม่ได้ต่อต้านเฉพาะ ยาบ้า “ยาไอซ์ เฮโรอิน ยาอี ยาเค แฮปปี้ฟลาย “แต่ สังคมไทย ต่อต้านเรื่องของ”กัญชาเสรี”ด้วย เพราะเขามองเห็น “อันตราย” ของ”ลูกหลาน” ของ”เยาวชน”ในอนาคต ว่า ลำพัง “ยาบ้า” ยังสร้างความ”วินาศสันตะโร” ให้กับ สังคม ขนาดนี้ ถ้ามีเรื่อง”กัญชาเสรี” เข้ามา ผสมโรงด้วย อนาคตของ”ลูกหลาน” ของเขา อนาคตของ”เยาวชน”ไทย จะ”เละเทะ” ขนาดไหน
ทั้งเรื่อง “อาวุธปืน” ทั้งเรื่อง”ยาเสพติด” ล้วนเป็น”ต้นทาง” ของการก่ออาชญากรรม และมี”ปลายทาง” ที่เป็นโศกนาฏกรรม” ที่ไม่ควรที่จะ เกิดขึ้น อีก ในอนาคต ก็ได้แต่หวังว่า “โศกนาฎกรรม” ที่”ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก”อุทัยสวรรค์ จะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2
และหวังว่า การแก้ปัญหา”ยาเสพติด” จะเป็น”วาระแห่งชาติ” และไม่เป็นเรื่องของ”ไฟไหม้ฟาง” เหมือกับหลายครั้งที่เกิดปัญหาขึ้น และมีการ “สั่งการ” ให้”เอาจริง” แต่ไม่เคย”ทำได้จริง” จึงหวังว่าครั้งนี้ คำสั่งในการ”ปราบปรามยาเสพติด”ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีความ”ศักดิ์สิทธิ์” หรือ”มี”น้ำยา” และไม่เป็นเรื่องของ”ไฟไหม้ฟาง” เหมือนกับหลายๆเรื่อง แม้แต่เรื่องของ”ไฟใต้” ที่เป็นเรื่องของ”ทหาร” ที่ พล.อ.ประยุทธ์ มี”อำนาจ” ในการ”สั่งการ”โดยตรง ก็ยังมองไม่เห็น”แสงสว่าง” ที่ปลายอุโมงค์
และ สุดท้าย เรื่องของ”ยาเสพติด” เป็นเรื่อง”เกี่ยวพัน” กับปัญหา”เศรษฐกิจ” และ”ปากท้อง”ของประชาชน ถ้าการ”บริหารประเทศ”ของ”นายกรัฐมนตรี” ยังแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ”และ”ปากท้อง” ของ”คนจน” ที่เป็นคน”ส่วนใหญ่”ของประเทศไม่ได้โดยปล่อยให้”คนจน”จนต่อไปและ กลายเป็น”เครื่องมือ” ของ”พ่อค้ายาเสพติด” ก็ อย่างได้หวังว่า รัฐบาล ชุดนี้ จะแก้ปัญหาของ”ยาเสพติด”ได้ผล
ไม่ได้”สบประมาท” ใคร แต่นี้เป็นเรื่องจริงของ สังคมไทย ที่ผู้บริหารประเทศต้อง”รับรู้” จึงจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างได้ผล

บทความ รายงานพิเศษ