ปลัด มท. สั่งออกจากราชการ ผู้ว่าฯ ตรัง หลังศาลอาญาทุจริตฯ พิพากษาจำคุกซื้อจีที 200 เจ้าตัวเขียนจดหมายอำลา โอดถูกเอกชนหลอกขายของ ยันขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ศาลปกครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำเลย 12 ราย ในคดีจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติด GT 200 ของสำนักงานจังหวัดยะลา ที่มีการจัดซื้อ จำนวน 2 สัญญา ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องร้องตามขั้นตอนทางกฎหมายเป็นทางการแล้ว โดยศาลอาญาคดีทุจริต ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา จำคุกจำเลย 4 ปี ขณะที่ผู้ต้องคำพิพากษาหลายรายได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่รายการตามปกติ
กระทั่งเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา เครือข่ายเฝ้าระวังทุจริตส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ได้เข้ายื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง รวม 2 ฉบับ เพื่อติดตามการกำเนินการทางวินัยตามมาตรา 98 พ.ร.บ.ป.ป.ช. หลังจากได้รับการร้องเรียนสมาชิกเครือข่ายระบุตามที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงในยุคที่ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างเป็นข้าราชการสำนักงานจังหวัดยะลา และส่งสำนวนกลับตามมาตรา 98 ให้ดำเนินการทางวินัย ซึ่งปัจจุบันเรื่องอยู่กองวินัยการเจ้าหน้าที่ และในส่วนฐานความผิดทางอาญา อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนไต่สวนสอบสวนคดีของ ป.ป.ช. และส่งเรื่องฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้ประทับรับฟ้องแล้ว จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามผลกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาได้อุทธรณ์ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ประทับรับฟ้องแล้ว และไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากเป็นผลของกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 93 แต่ในการดำเนินการทางวินัยตามมาตรา 98 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้งหรือถอดถอนยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ เลย ทั้งที่คำพิพากษาศาลชั้นตอนออกมาตั้งแต่ปลายปี 2565 จึงขอทวงถามหน่วยงานต้นสังกัดว่าได้ดำเนินการทางวินัยตามอำนาจหน้าที่ ออกคำสั่งทางปกครองให้พ้นจากตำแหน่ง แล้วเสร็จภายใน 30 วันหรือไม่อย่างไร
ต่อมา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 20 กันยายน ได้ปรากฏ นายนิพนธ์ คนขยัน ส.ส.บึงกาฬ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นทวงถามกรณีดังกล่าว โดยสะท้อนปัญหาการดำเนินการทางปกครองต่อข้าราชท้องถิ่น ตลอดจนข้าราชการพลเรือน ภายหลัง ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ตลอดจนศาลอาญาคดีทุจริตมีคำพิพากษาแล้ว โดยหยิบยกกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับระเบิดของสำนักงานจังหวัดยะลา ซึ่งการดำเนินการของผู้บังคับบัญชา อาจมีความล่าช้า สะท้อนปัญหาการดำเนินการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตลอดทั้งวันของวันที่ 4 ตุลาคม มีกระแสข่าวหนาหูว่า นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามคำสั่งโทษทางวินัยแก่ข้าราชการกลุ่มดังกล่าวแล้ว ตามข้อเสนอของ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตามมาตรา 98 โดยมีคำสั่งให้ นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ออกจากราชการ ตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงคดี GT 200 ซึ่งในขณะนั้น นายขจรศักดิ์ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์ สำนักงานจังหวัดยะลา ขณะที่ในวันเดียวกัน เกิดกระแสข่าวแพร่สะพัดในแวดวงข้าราชการจังหวัดตรังว่า นายขจรศักดิ์ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการ โดยไม่ระบุเหตุผล ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปศาลากลางจังหวัดตรัง และพยายามขอสัมภาษณ์ในช่วงเย็นก่อนเลิกงาน โดยเมื่อเดินลงจากศาลากลาง นายขจรศักดิ์ มีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวยื่นใบลาออก โดยได้โบกมือปฏิเสธ พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า “ยังไม่มีนะ ยังไม่ได้ยื่น” จากนั้นรีบขึ้นรถออกไปทันที
ต่อมา วันนี้ (5 ต.ค.) บนศาลาว่าการจังหวัดตรัง นายขจรศักดิ์ ได้เผยแพร่เอกสารไปยังหน่วยงานต่างๆ ลงวันที่ 4 ตุลาคม ระบุเป็นคำกล่าวอำลาจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ตอนหนึ่งว่า พี่น้องชาวจังหวัดตรัง และท่านหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดตรัง คงแปลกใจที่ตนได้เขียนคำอำลาจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ทั้งๆ ที่ยังมีอายุราชการอยู่อีก 1 ปี ขอเรียนว่าในช่วงทำงานอยู่ที่จังหวัดยะลา ในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดยะลา เมื่อปี 2551 ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาได้แต่งตั้งให้ตนเป็นประธานกรรมการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด อัลฟา 6 จำนวน 2 ชุด เพื่อมอบให้หน่วยงานความมั่นคงจังหวัดยะลา ไปใช้ในการปฏิบัติงาน เนื่องจากเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดยะลา มีการวางระเบิดทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ พระภิกษุสงฆ์ และประชาชนอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งศาลากลางจังหวัดยะลาถูกวางระเบิดถึง 2 ครั้ง ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา จึงได้เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการความมั่นคงจังหวัดยะลา พิจารณาสนับสนุนเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดแบบพกพา เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน เช่นเดียวกับหน่วยงานฝ่ายทหาร ตำรวจ ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งได้จัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในการปฏิบัติงานอยู่ในเวลานั้น
หนังสืออำลาระบุอีกว่า ในปี 2554 ตนและข้าราชการจังหวัดยะลา รวมทั้งส่วนราชการต่างๆ ที่จัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบสวนกรณีมีการร้องเรียนว่า เครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดใช้งานไม่ได้ โดยมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนรวม 3 ชุด ซึ่งปรากฏตามข่าวในหนังสือพิมพ์ และคณะอนุกรรมการไต่สวน 2 ชุดแรกได้เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า หน่วยงานและข้าราชการได้จัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในการป้องกันชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ไม่มีเจตนากระทำความผิด และจากการตรวจสอบเอกสารการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดของส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ รวมถึงจังหวัดยะลานั้น ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้ส่งรายงานความเห็นไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงาน ป.ป.ช.ว่า เป็นกรณีที่บริษัทผู้ขายได้หลอกลวงส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด มิได้มีการทุจริตแต่อย่างใด และในปี 2555 จังหวัดยะลาได้แจ้งความดำเนินคดีบริษัทผู้ขายเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิด และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า บริษัทผู้ขายเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดได้ฉ้อโกงจังหวัดยะลาตามฟ้อง ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ผู้ซื้อคือจังหวัดยะลา และได้ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแสดงให้คู่สัญญาทราบ และให้คืนเงินแก่จังหวัดยะลา
ข่าว/สำนักข่าวแผ่นดินไทยโพสต์
ติดต่อลงโฆษณา สุรเดช เหลาคำ โทร.093-3427988